นครราชสีมา วันนี้ (8 มกราคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่เหลือเวลา 24 วันในวันเลือกตั้งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่มีการหาเสียงกันอย่างเข้มข้น 2 คนคือ นางยลดา หวังศุภกิจโกศล หมายเลข 2 สังกัดพรรคเพื่อไทย กับนายมรุต ชุ่มขุนทด สังกัดอิสระ หมาเลข 3

 โดยนางยลดา หวังศุภกิจโกศล หมายเลข 2 ได้เดินสายลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องพร้อมทีมหาเสียงที่ทุกคนต่างสวมใส่เชิ้ตเสื้อสีขาว-แดงมีโลโก้พรรคเพื่อไทย(พท) และขบวนคาราวานรถหาเสียงร่วมกับผู้สมัคร ส.อบจ.ในพื้นที่อำเภอที่ไปแจกแผ่นพับนโยบายและหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร พร้อมแนะนำตัวพบปะพูดคุยการให้ความสำคัญปัญหาความต้องการของพี่น้องประชาชน ชาวบ้าน พ่อค้า แม่ค้า ชุมชน โดยออกพบชาวบ้านในพื้นที่แล้วกว่า 20 อำเภอ อาทิ อ.เมือง , อ.เสิงสาง , อ.ครบุรี , อ.วังน้ำเขียว , อ.สูงเนิน , อ.โชคชัย , อ.ปักธงชัย , อ.สีคิ้ว เป็นต้น พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง และร่วมทำอาชีพกับพ่อค้าแม่ค้า วิสาหกิจชุมชน เช่น เยี่ยมร้านค้าลงมือคั่วหมี่โคราชรับประทานเอง , การสาวไหม ทอผ้าไหม , การร่วมทำเส้นหมี่สด ยำขนมจีนรับประทานเอง เป็นต้น  

ขณะที่นายมารุต ชุมขุนทด หมายเลข 3 สังกัดอิสระ จัดรูปร่วมขบวนคาราวานที่หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยนายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ 3 ได้ใช้รถโมบายล์จอแอลอีดีขนาดใหญ่ วิ่งหาเสียงเลือกตั้งกับชาว อ.เมืองนครราชสีมา เป็นการคิ๊กออฟวันแรก ก่อนที่จะวิ่งไปหาเสียงตามชุมชนต่างๆ ทั่วทั้ง 32 อำเภอ โดยโชว์นวัตกรรมจอแอลอีดีขนาดใหญ่ 2 X 2.5 เมตร พร้อมเครื่องขยายเสียง ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเที่ยม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่ผลิตโดยฝีมือบริษัทสตาร์ทอัพของชาวโคราช แสดงถึงความเป็นตัวตนของนายมารุตฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักธุรกิจสตาร์ทอัพของชาวโคราช โดยบรรยากาศระหว่างหาเสียง ได้มีประชาชน ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และคนสูงวัย มาขอถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างคึกคัก

นายมารุต ชุ่มขุนทด ผู้สมัครนายก อบจ.นครราชสีมา เบอร์ 3 กล่าวว่า การที่ตนเองลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา ในนามอิสระ ไม่มีสังกัดพรรคการเมืองใดๆ ทำให้การลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนทั้ง 289 ตำบล มีอิสระในการเข้าถึงทุกกลุ่มการเมือง โดยไม่มีกำแพงของพรรคการเมืองมาขวางกั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะ อบจ.ต้องมีอิสระในการตัดสินใจแก้ปัญหา และพัฒนาบ้านเมืองด้วยตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่มีความคาดหวังกับนายก อบจ.ต่ำมาก เพราะเขาไม่รู้ว่ามีนายก อบจ.ไว้ทำไม ซึ่งต่างจากไปถามคนกรุงเทพมหานคร เขาจะรู้ว่าผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ สามารถทำอะไรให้เขาได้บ้าง คนต่างจังหวัดจะมองว่าการเมืองระดับประเทศเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่า อบจ. ทำให้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะการใช้งบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ของ อบจ.ขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ อบจ.นครราชสีมา มีงบประมาณแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท อยู่ในวาระ 4 ปี งบประมาณบริหารมากกว่า 16,000 ล้านบาท แต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงให้ประชาชนเห็นได้อย่างชัดเจนเลย งบประมาณเหล่านี้หายไปไหนหมด ถามใครก็ตอบไม่ได้ ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้เลย ซึ่งตนเองต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลง ด้วยการเปิดให้ประชาชนทุกคนสามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ได้เลย เงินเหล่านี้เป็นภาษีของประชาชน เขาต้องมีสิทธิ์ตรวจสอบได้ ว่านำไปใช้พัฒนาอะไรบ้าง สิ่งนี้จะทำให้เกิดความสุจริต โปร่งใส และใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนอย่างแท้จริง

ไม่ต้องไปกังวลว่าจะต้องมาแบ่งเค้กให้กับกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใดอีก เมื่อการใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพ บ้านเมืองก็จะเกิดการพัฒนา มีงานดีๆ ทำในพื้นที่ ลูกหลานที่เรียนจบมา ก็จะได้ไม่ต้องไปทำงานที่อื่น กลับมาทำงานที่บ้านเกิด ได้อยู่กับครอบครัวอย่างอบอุ่น มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ตนเองอาสาเข้ามาเปลี่ยนการเมืองแบบเดิม การเมืองน้ำเน่า ให้เป็นการเมืองที่ทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ จึงขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องชาวโคราชทุกคนด้วย ส่วนตัวพร้อมที่จะเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฯของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ตนพร้อมมา 2 ปีแล้ว นายมารุตฯ กล่าว.