ความรักไม่เจาะจงเฉพาะชายและหญิง ที่จ.อุดรธานีเปิดใจคู่รัก LGBTQ+ ครองรักยาวมานานกว่า 22 ปี ความหวังจดทะเบียนสมรส เผยผ่านปัญหาอุปสรรคมาเยอะสังคมไม่ยอมรับถูกตราหน้าชีวิตไปไม่รอดชีวิตรักเริ่มจากศูนย์ พร้อมเปิดตัวควงคู่ไปจดทะเบียนสมรสดีเดย์ในวันที่ 23 ม.ค.นี้แน่นอน
 
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสำหรับชาว LGBTQ+ หลังพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ประกาศและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มกราคม 2568 ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีสมรสเท่าเทียม เนื้อหาของกฎหมายมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้การสมรสครอบคลุมบุคคลทุกเพศ, อายุสมรสเปลี่ยนเป็น 18 ปี (เดิม 17 ปี), สถานะทางกฎหมายของคู่รักเพศเดียวกันเป็น “คู่สมรส” มีสิทธิเท่าเทียมกับคู่รักชายหญิง เช่น สิทธิสวัสดิการราชการ, หักลดหย่อนภาษี เป็นต้น, สามารถขอรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้

 
พี่โจ อายุ 49 ปี กับพี่เคน อายุ 53 ปีคู่รัก LGBTQ+ ชาว จ.อุดรธานี เปิดใจกับนักข่าวว่า เราทั้งสองคนคบหากันมาตั้งแต่ปี 2546 เริ่มแรกเรารู้จักกันด้วยความบังเอิญ ย้อนกลับไปสมัยนั้นอินเทอร์เน็ตยังไม่มี จะมีเพียงแค่โทรศัพท์มือถือและก็เพิ่งเริ่มมีใช้กันอย่างไม่แพร่หลาย ตอนนั้นคุณเคนเขาโทรผิด แล้วจากนั้นเราก็คุยกันมาจนเวลาผ่านไป 1 ปี แบบเราไม่เห็นหน้ากัน ต่อมาเราก็มีการนัดเจอกันที่จนเราสนิทพูดคุยกันรู้เรื่องและเราก็เริ่มตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เรามีอะไรที่เหมือนกันทั้งความคิด นิสัย ที่สำคัญ ต่างคนต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน นั้นคือจุดเริ่มต้นที่เราเริ่มใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
 
ตลอดระยะเวลาที่เราใช้ชีวิตร่วมกัน ผ่านอุปสรรคมามากมาย ครอบครัวเพื่อนฝูงก็สนับสนุน จะมีเพียงแต่สังคมที่ยังมองความแตกต่าง และเห็นว่ามันจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ได้นานเหมือนผู้หญิงผู้ชายได้อย่างไร เนื่องจากสังคม LGBTQ+ จะถูกตราหน้าว่ายังไงก็คบกันไม่นาน แต่เราก็แสดงให้เห็นและพิสูจน์ให้สังคมได้เห็น

 พี่โจ ให้ความเห็นต่อว่า การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมจะช่วยให้คู่รัก LGBTQ+ ได้สิทธิประโยชน์ทางด้านกฎหมายและการใช้ชีวิตร่วมกันในระยะยาว ตอนนี้เราทั้ง 2 คน เริ่มมีอายุกันมากขึ้น อนาคตเราอาจจะมีอาการเจ็บป่วยที่คาดไม่ถึงและไม่คาดคิด การตัดสินใจทางกฎหมายด้านการแพทย์ ต้องได้รับความยินยอมจากคนที่เป็นญาติใกล้ชิดทั้งนิตินัยและพฤตินัย ก่อนมี พรบ.เราไม่มีสิทธิ์พอกฎหมายฉบับนี้ออกมา ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น กิจกรรมที่ทางจังหวัดอุดรธานีจะมีการจัดขึ้นในวันที่ 23 มกราคม นี้ ทางเราพร้อมที่จะไปร่วมจดทะเบียนสมรส ที่เราไปร่วมกิจกรรมก็เพื่อเป็นการแสดงความรักที่มีต่อกันและเป็นการการันตีสิทธิของคู่สมรสเท่าเทียม

ขอฝากถึงกลุ่ม LGBTQ+ ที่ดูข่าว หากจะมาจดทะเบียนสมรสกันก็ขอให้ศึกษากฎหมายก่อน ค่อยตกลงปลงใจมาจดทะเบียน ข้อสำคัญคู่รักควรรักกันมาจากใจไม่ใช่รักกันเพื่อจดเอกสารเพื่อความเป็นฟีเวอร์ ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่ผลักดันทำงานเรื่องนี้ทั้งองค์กรภาคเอกชนและรัฐบาล เราจะไม่หยุดแค่ 22 ปีเราจะครองรักกันตราบชั่วนิรันทร์ คู่รัก LGBTQ+ ชาวอุดรกล่าวตอนท้าย