อำเภอเมือง / ตำรวจแกะรอยตามรวบได้หนุ่มวัย 37 ปีขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านไม่เว้นถาดใส่อาหารเด็กในโรงเรียนและกล้องวงจรปิดของโรงเรียน เจ้าตัวสารภาพเพราะจำนนจากกล้องวงจรปิด แจงยิบขโมยได้เอาไปขายต้องการเงินเอาไปซื้ออาหารแมวที่เลี้ยงไว้ 5 ตัว ส่วนกล้องวงจรปิดที่ได้มาเอามาติดตั้งส่องดูแมว

วันที่ 16 พ.ค.68 หลังจากครูจากโรงเรียนโกรกขี้หนู อ.เมือง จ.บุรีรัมย์มาแจ้งความที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าถูกคนร้ายเข้าไปขโมยถาดใส่อาหารเด็กนักเรียน, ก๊อกน้ำของโรงเรียน และอื่นๆ อีกหลายรายการ

พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการและกำชับให้ชุดหน่วยงานตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับครูและนักเรียน

โดยต่อมา พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้สั่งให้ พ.ต.ท.ชำนาญ ช่วงไกร รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ และ พ.ต.ท.สุชาติ วิชาสวัสดิ์ สว.(สืบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ เร่งแกะรอยคนร้าย

พบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดหลายจุด จนกระทั่งทราบต่อมาว่าผู้ต้องสงสัยคือ นายสุนทร  อายุ 37 ปี ชาวบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ก่อนจะเข้าควบคุมตัวได้ที่บ้านพัก

พร้อมของกลางมีรถจักยานยนต์พ่วงข้าง ยี่ห้อ YAMAHA รุ่นBelle สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ฌ 339 บุรีรัมย์ จำนวน 1 คัน, กล้องวงจรปิด จำนวน 1 ตัว, เสื้อยืดแขนยาวสีส้ม แขนดำ จำนวน 1 ตัว และรองเท้าบูทสีดำ จำนวน 1 คู่

เบื้องต้นนายสุนทร ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนในกล้องวงจรปิด ได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินถาดใส่อาหารของโรงเรียนโกรกขี้หนูจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจไปขโมย บังเอิญไปเห็นจึงหยิบมาแค่ไม่กี่ใบ แล้วเอาไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า

เช่นเดียวรถจักรยานยนต์ที่ขโมยไปก็ไม่ได้ตั้งใจเช่นเดียวกันสาเหตุเพราะรถมีกุญแจเสียบไว้จึงขนขึ้นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างของตน แต่ยังสำนึกและอยากขอโทษเจ้าของรถ จึงหันไปมองกล้องวงจรปิดแล้วทำท่าทางใส่กล้องเป็นสัญลักษณ์ว่า “ผมเอาไปนะครับ” ครั้งนั้นตนรับถูกจับกุมเข้าเรือนจำมาแล้ว

นายสุนทร ยังสารภาพด้วยว่าจริงแล้วไม่อยากจะไปทำความเดือดร้อนให้กับคนอื่น แต่มีความจำเป็นเพราะเลี้ยงแมวไว้ที่บ้านไว้ถึง 5 ตัว ต้องเลี้ยงอาหารเม็ดแมวขนถึงจะสวย เมื่อไม่มีเงินต้องออกหา ส่วนกล้องวงจรปิดที่ตนขโมยมาจากโรงเรียนพร้อมถาดอาหาร ตนได้เอามาติดไว้ที่บ้านเพื่อส่องดูแมวที่เลี้ยงไว้

หลังสอบสวนตำรวจตั้งข้อหา “ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือรับของโจร” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป