นางสุณีวรรณ นอบไทย คลังจังหวัดตราด เปิดเผยว่า จากข้อมูลสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดตราดล่าสุด ปี 2566 เศรษฐกิจจังหวัดตราด มีมูลค่า 46,197 ล้านบาท ณ ราคาประจำปี หดตัวร้อยละ -8.8 จากที่ขยายตัวร้อยละ 14.4 ในปี 2565เป็นการหดตัวทั้งการผลิตภาคเกษตรและภาคนอกการเกษตร โดยการผลิตภาคเกษตร สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้และการประมง หดตัวร้อยละ -10.1 ส่วนภาคนอกการเกษตร หดตัวร้อยละ -10.6 จากภาคบริการ หดตัวร้อยละ -10.0 ขณะที่สาขาอุตสาหกรรมการผลิต ขยายตัวร้อยละ 1.9 ซึ่งโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจังหวัดตราด ในปี 2566 แบ่งเป็น การผลิตภาคเกษตร ร้อยละ 43.1 การผลิตภาคอุตสาหกรรมร้อยละ 12.7 การผลิตภาคบริการร้อยละ 44.2 ส่วนในปี 2568 เศรษฐกิจจังหวัดตราด คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.7

“ภาคบริการ ที่เป็นเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นหลักคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.2 ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว จำนวนผู้โดยสารผ่านสนามบินตราด และจำนวนผู้โดยสารผ่านท่าเรือ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากเกาะช้าง เกาะกูด และเกาะหมากยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในการมาพักผ่อนช่วงวันหยุดยาว ประกอบกับอานิสงส์ของการผ่อนปรนกฎระเบียบการเดินทางเข้าประเทศไทย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสำคัญที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราดจัดกิจกรรมส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เช่น ปีใหม่และสงกรานต์ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ“

คลังหวัดตราด กล่าวว่า สำหรับภาคเกษตรกรรม คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2 ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณผลผลิตทุเรียน มังคุด เงาะ กุ้งขาว ปาล์มน้ำมัน สับปะรดตราดสีทอง และสับปะรดโรงงาน จากหลายปัจจัยทั้งด้านสภาพภูมิอากาศ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกร และแรงจูงใจด้านราคา โดยสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรหลายชนิดมีปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทุเรียนที่เกษตรกรหันมาปลูกจำนวนมากอย่างต่อเนื่องจากแรงจูงใจด้านราคาและมีตลาดรองรับ ทำให้ปีนี้มีทุเรียนที่สามารถให้ผลได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 13,371 ไร่ ส่วนมังคุดหลังได้พักสะสมอาหารเต็มที่ในปีที่ผ่านมาทำให้ต้นมังคุดมีความสมบูรณ์และออกดอกและติดผลได้มากขึ้น แต่ภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.8 ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม จำนวนโรงงานอุตสาหกรรม และจำนวนทุนจดทะเบียนภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศ สะท้อนจากการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินค้าในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้มีแนวโน้มเกิดการลงทุนจัดตั้งโรงงานใหม่และการขยายกิจการเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของตลาด

สำหรับด้านการค้าผ่านชายแดน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 9.8 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลในเชิงบวกต่อบริษัทผู้ผลิตในเขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกง ประเทศกัมพูชา ทำให้บริษัทเหล่านี้ได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าสินค้าผ่านจังหวัดตราด เพื่อไปยังไปยังประเทศที่ 3 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ภาคการผลิตที่ขยายตัวสะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา และรายได้ที่เพิ่มขึ้นของประชากรภายในประเทศ ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทยไปยังประเทศกัมพูชาเพิ่มขึ้น

โดยนางสุทัศนีย์ สุภาพันธ์ นายด่านศุลกากรคลองใหญ่ เปิดเผยว่า มูลค่าการนำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด งบประมาณปี 2568 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567-เดือนเมษายน 2568 (7 เดือน)มีสินค้าน้ำเข้าจากกัมพูชา มีมูลค่า 2,334,573,663.27 บาท เช่น ชุดสายไฟรถยนต์สำเร์จรูป กว่า 1.230 พันล้านบาท และกางเกงขาสั้นบุรุษมูลค่า 245.99 ล้านบาท ส่วนมูลค่าส่งออก มีมูลค่า 16,256,803,403.52 บาท ซึ่งสินค้าส่งออกประกอบด้วย นมและอาหารเสริม 1,140,092,100.54 บาท,เครื่องดื่มอัดลมและเครื่องดื่มไม่อัดลม 1,100,719,162.72 บาท,น้ำตาลทราย 1,088,125,247.46 บาท,ชุดสายไฟฟ้า 622,096,004.71 บาท