ที่ห้องประชุม อาคารศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา นายสมชาย ลีหล้าน้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดเวที "สานพลัง'คนนครศรีฯ' รับมือภัยพิบัติที่กำลังมาถึง" โดยมีรองศาสตราจารย์ คร.วิชิตพันธุ์ รองวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมสู่ความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นายอำเภอท่าศาลา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ตัวแทนกองทุนฯด้านสิ่งแวดล้อมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผู้แทนภาคเอกชนเข้าร่วมกิจกรรม

การเปิดเวทีดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพพื้นที่รับมือภัยพิบัติแบบมีส่วนร่วมและบูรณาการทุกภาคส่วน เป็นการส่งเสริมการออกแบบเครื่องมือจัดการภัยพิบัติที่สอดคล้องกับกองทุนฯ (การเข้าถึง) ทั้งด้านการปรับตัว การรับมือภาวะฉุกเฉิน การเตือนภัย และสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อสร้างพื้นที่ต้นแบบจัดการภัยพิบัติที่นำไปปรับใช้ได้ เพื่อลดความเสี่ยง เสริมศักยภาพชุมชนจัดการตนเอง และสร้างวัฒนธรรมป้องกันภัย  

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การจัดการภัยพิบัติเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น  การเปิดเวทีครั้งนี้จะทำให้เราได้รู้และเข้าใจถึงบริบททางด้านภูมิประเทศของจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อจะได้วางแผนรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญมาก แต่นอกเหนือจากการรับรู้บริบททางภูมิประเทศแล้ว มีความ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้บริบททางสังคมเพื่อให้การแก้ปัญหาและการวางแผนเพื่อรับมือภัยพิบัติเป็นไปอย่างครอบคลุม และสามารถลดผลกระทบได้มากยิ่งขึ้น อีกประการที่สำคัญคือการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้มีแผนปฏิบัติการป้องกัน รับมือและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติร่วมกัน

ขณะที่รองศาสตราจารย์ ดร. วิชิตพันธุ์ รองวงศ์ รักษาการผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมสู่ความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า โครงการนี้ ได้ร่วมกับมูลนิธิคนเห็นคน ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กำหนดการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อบูรณาการงานด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากที่ผ่านมาจังหวัดนศรศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหลากหลายประเภทซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่ การรับมือกับภัยพิบัติจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เกิดการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมถึงประชาชนทั่วไป ทุกฝ่ายต่างมีบทบาทและหน้าที่เฉพาะในการรับมือกับภัยพิบัติ ตั้งแต่การป้องกัน การเตรียมความพร้อม การตอบสนองต่อเหตุการณ์ ไปจนถึงการฟื้นฟูสภาพสังคมและเศรษฐกิจภายหลังเหตุการณ์ โดยความร่วมมืออย่างบูรณาการระหว่างภาคส่วนเหล่านี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืนในระยะยาว