นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ยืนยันยังมั่นใจในตำแหน่ง มท.1 พร้อมประกาศหากถูกปรับออกจากตำแหน่ง ก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
 

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า  การเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเดิมมีกำหนดในวันที่ 24 มิถุนายน 2568  เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสม สืบเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หากมีการประชุมสัญจรในช่วงนี้ อาจก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการส่งสัญญาณปรับ ครม. หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ยังไม่ได้รับสัญญาณในการปรับ ครม. และไม่มีการแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของตน เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า มั่นใจหรือไม่ว่า จะยังดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ต่อไป นายอนุทินตอบว่า “มั่นใจ”
 

เมื่อ ผู้สื่อข่าว ถามอีกว่าหากต้องพ้นจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือไม่นายอนุทิน ตอบเสียงดังชัดเจนว่า "พร้อมครับ" ก่อนกล่วงทิ้งท้ายว่า “ให้รบกับศัตรูกันก่อน อย่าเพิ่งมารบกันเอง ถ้าเราหันมารบกันเอง จะร้องเพลงชาติให้ใครฟัง”

ในการลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในครั้งนี้ นอกจากปฏิบัติภารกิจมอบแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อ.วารินชำราบและอ.พิบูลมังสาหาร และติดตามการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ และการแจ้งเตือนสาธารณภัยในระดับพื้นที่ (จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดศรีสะเกษ) แล้ว ยังเป็นการลงพื้นที่เพื่อติดตามแผนรับมือสาธารณภัย และตรวจความพร้อมรับมือสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยย้ำชัดเจนถึงจุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ตึงเครียดในพื้นที่ว่า “มาตรการที่ฝั่งโน้นประกาศ ไม่ทำให้เราขวัญหนีดีฝ่อ”

นายอนุทินระบุว่า ไทยมีระบบความมั่นคงเข้มแข็ง ทั้งกองทัพ และหน่วยงานฝ่ายพลเรือน โดยพื้นที่แนวชายแดนมีทหารดูแล ส่วนแนวหลังมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมสั่งการให้ทุกจังหวัดชายแดนเร่งสำรวจหลุมหลบภัย ซ่อมแซม หรือจัดสร้างให้พร้อมรับมือ “ถ้าความขัดแย้งจะเกิด ก็ให้เกิดในแนวรบ อย่ามาทำร้ายกันในหมู่ประชาชน คนที่เข้ามาทำงานในไทยอย่างถูกต้อง เราต้องแยกแยะ ไม่ควรเหมาเข่ง”  นายอนุทินกล่าวอีกว่า ได้หารือกับรัฐมนตรีมหาดไทยของกัมพูชา และให้คำมั่นร่วมกันว่าจะดูแลประชาชนของกันและกันให้ดีที่สุด และในช่วงหนึ่งของการแถลง นายอนุทินกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวว่า “ถ้ามีเหตุถึงขั้นต้องตัดไฟ ตัดน้ำ ตัดเน็ต ถ้าทหารแจ้งมา กระทรวงมหาดไทยพร้อมสั่งปิดทันที อย่าหวังว่าไทยจะยอมให้ใครรุกล้ำ”

นอกจากนี้ นายอนุทินยังกล่าวถึงสโลแกนที่ได้รับจากนายกรัฐมนตรีว่า “ทหารเป็นรั้ว มหาดไทยคือบ้าน รั้วต้องแข็ง บ้านต้องมั่นคง คนในบ้านต้องปลอดภัย” และย้ำว่าเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยทุกคน “พร้อมรบ” แม้ไม่มีอาวุธ ก็พร้อมทำหน้าที่รักษาความสงบและความมั่นคงในพื้นที่ของตนอย่างสุดความสามารถ
 

นายอนุทิน กล่าวในตอนท้ายว่า พี่น้องทหารไทย จะไม่ยอมให้รุกล้ำเข้ามากระทบประชาชนโดยเด็ดขาด เต็มที่ก็อยู่ตรงแนว ถ้าล้ำมาขนาดนั้น ก็ไปรบกันหมดผมก็จะไปรบกับเขาด้วย จะไปกลัวอะไร ได้ปกป้องบ้านเมือง ชีวิตหนึ่ง ถ้าได้ปกป้องผืนแผ่นดินก็ถือว่าคุ้ม ผมพร้อมไปกับทหาร ถ้าจำเป็น ต้องไม่ให้ใครข้ามเส้นอธิปไตยของไทย” รองนายกฯ กล่าวทิ้งท้ายอย่างหนักแน่น