กรณี มีคลิปไวยาวัจกรวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร พระอารามหลวง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จำนวน 2 คนโต้เถียงกันดุเดือดเผยแพร่ในโซเชียล จนกลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งในวันถัดมานายจักรพงษ์ ปทุมไกยะ อดีตนายอำเภอธาตุพนม ได้ออกมายอมรับว่าเป็นคนถ่ายคลิปเอง และส่งต่อเผยแพร่ในโลกออนไลน์ โดยบุคคลในคลิปที่ถกเถียงกับตนคือนายเอื้อ มูลสิงห์ ไวยาวัจกร และมีหน้าที่เป็นทนายประจำวัดพระธาตุพนมฯอีกหนึ่งตำแหน่ง แต่ภายหลังอดีตนายอำเภออ้างว่า ได้เคลียร์ปัญหาทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว 

ในวันที่โต้เถียงกันนั้น ปรากฏว่ามีหนังสือลาออกของนายเอื้อ ส่งถึงพระธรรมวชิรโสภณ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 และเจ้าอาวาสวัดลงลายมือรับหนังสือวันที่ 1 มิถุนายน 2568 โดยทนายเอื้ออ้างเหตุผลของการลาออกว่า มีปัญหาด้านสุขภาพ

มูลเหตุทั้งหมดน่าจะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 โดยมีคำสั่งเจ้าอาวาสฯที่ 3/2568 เรื่องยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการการเงินวัดพระธาตุพนม ว่า มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการบริหาร จัดการ การเงินฯ ในการเบิกจ่ายกิจการภายในวัด เรื่องการบำรุงรักษาวัด จัดกิจการ และศาสนสมบัติ ฯลฯ จึงให้คณะกรรมการการเงินทั้งหมดพ้นจากหน้าที่ พร้อมให้นายสุคนธ์ พรหมศิริ นายพัฒนา อุทธิโย และ นายสมผลดีล้น ไวยาวัจกรฝ่ายการเงินเข้าปฏิบัติหน้าที่แทนชุดเดิม

ซึ่งก่อนหน้านี้เพียง 1 วัน คือวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 พระธรรมวชิรโสภณ ได้มีคำสั่งยกเลิกแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ สืบเนื่องจากพระธรรมวชิรโสภณ มีอาการอาพาธต้องไปรักษาตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 67 จำเป็นต้องอยู่กรุงเทพฯนานหลายเดือน จึงแต่งตั้งพระศรีวิสุทธิเมธี เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสฯ ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา หลังจากท่านรักษาอาการอาพาธเป็นปกติแล้ว จึงกลับวัดพระธาตุพนมฯตามเดิม

ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 มีหนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการการเงินฯ จำนวน 15 คน โดยมีพระครูพนมปรีชากร เป็นประธานที่ปรึกษา นายสุคนธ์ พรหมศิริ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน และมีนายสมพงษ์ ควรครู เป็นกรรมการควบเลขานุการ  โดยโล๊ะคณะกรรมการชุดเก่าที่แต่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ครั้งนั้นให้เหตุผลว่ามีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการยักยอกเงินของวัดพระธาตุพนมฯ และสำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.)ได้เข้ามาตรวจสอบข้อมูล เพื่อความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ จึงแต่งตั้งนายจักรพงษ์ ปทุมไกยะ เป็นประธานกรรมการ นายเอื้อ มูลสิงห์ เป็นรองประธานฯ มี นายทินกร พลเยี่ยม หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง และ นางสาวสุดใจ ศรีลาศักดิ์ ปลัดอำเภอ เป็นเลขานุการ

โดยคณะกรรมการชุดที่มีนายจักรพงษ์ ปทุมไกยะ เป็นประธาน นอกจากจะรับมอบให้บริหารจัดการด้านการเงินแล้ว ยังมีอำนาจตรวจสอบข้อมูลการบริหารการจัดการด้านการเงิน และผลประโยชน์ของวัดฯ รวมทั้งขอดูเอกสารหลักฐานด้านการเงินของวัดที่ผ่านมาได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2568 นอกจากพระธรรมวชิรโสภณ จะลงนามรับทราบให้นายเอื้อ มูลสิงห์ลาออกจากตำแหน่งไวยาวัจกร และทนายประจำวัดแล้ว ก็ยังมีหนังสือให้สั่งนายจักรพงษ์ ปทุมไกยะ อดีตนายอำเภอธาตุพนม พ้นจากหน้าที่ไวยาวัจกรด้วย

ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงภายในวัดพะธาตุพนมฯ โดยเฉพาะเกี่ยวกับด้านการเงิน เกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษ แต่ชัดเจนมากในช่วงปี 2567 ก่อนงานนมัสการพระธาตุพนมเพียงไม่กี่วัน เมื่อมีกลุ่มอำนาจในขณะนั้นเข้ามาข่มขู่เชิงบังคับ โดยวางแผนแบ่งการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และดึง ป.ป.ช.เข้ามาเป็นข้ออ้าง

ฝีเริ่มแตกเมื่อเจ้าอาวาสไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ทำให้เห็นภาพอะไรต่อมิอะไรชัดยิ่งขึ้น หลังจากท่านกลับวัดก็รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะท่านป่วยต้องรักษาตัวนานนับเดือน จึงดำเนินการจัดการปัญหาทั้งหมด ทำให้มีเรื่องขัดแย้งแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย

โดย นายจักรพงษ์ ปทุมไกยะ อดีตนายอำเภอธาตุพนม ยืนยันว่าจะต้องมีการตรวจสอบบัญชีการเบิกจ่ายเงินของวัดพระธาตุพนม เพราะในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการตรวจสอบอย่างจริงจัง และจะเป็นการสร้างความโปร่งใส ในการทำงานของไวยาวัจกร รวมถึงคณะกรรมการของวัด จึงเรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนา รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องมาร่วมตรวจสอบ รวมถึงภาคประชาชน เพื่อสร้างมาตรฐานในการบริหารจัดการเงินของวัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริต

ทั้งนี้ กรณีมีการกล่าวหานายสุคนธ์ พรหมศิริ พร้อมพวก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณียักยอกเงินรายได้จากเงินบริจาคของวัดฯ และเงินรายได้จากการจัดเก็บเงินค่าเช่า แผงลอยในเขตพื้นที่วัด เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏและพยานหลักฐานมายืนยันว่านายสุคนธ์กระทำความผิดตามที่กล่าวหา คือข้อกล่าวหาไม่มีมูล