วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 11:57 น.

ภูมิภาค

น้ำใจคนไทย! ผู้ใหญ่บ้าน–สจ.ช่วยลุงวัย 65 สร้างบ้านใหม่หลังรอคอย 14 ปี

วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 11.35 น.

วันที่ 15 มิ.ย.68  (เวลา 11.00 น.) ผู้สื่อข่าวได้ร่วมลงพื้นที่กับ หมวดอภัย ขุนศรี และ นางสุภาพ ขุนศรี ผู้ใหญ่ใจดีแห่ง ต.ท่าซัก พร้อมด้วย สจ.ชนัญญา ขุนศรี หรือ สจ.อร สมาชิกสภาจังหวัด เขต 5 จังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.9 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังได้รับแจ้งจาก คุณกำพล เพื่อนบ้าน ว่ามีชายชราสูงวัยอาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีอาชีพ ป่วยเป็นโรคประจำตัว และที่สำคัญ บ้านที่พักอาศัยอยู่ในสภาพใกล้พังถล่ม


เมื่อคณะเดินทางไปถึง ได้พยายามสังเกตบ้านตามที่ได้รับแจ้ง แต่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัด เพราะบ้านหลังที่อยู่ตรงหน้ามีสภาพทรุดโทรมอย่างหนัก จนไม่คิดว่าจะมีผู้อาศัยอยู่ ขณะนั้นเอง ได้มีเสียงตอบรับจากภายในบ้าน และมีชายสูงวัยเดินออกมาทำให้ทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวคือบ้านของ นายการีม บุญเทพ อายุ 65 ปี ไม่มีบ้านเลขที่ อาศัยอยู่มานานหลายปี

 


นายการีม เล่าว่า แต่เดิมเคยมีอาชีพเป็นยามรักษาความปลอดภัยตามร้านทอง ต่อมาเปลี่ยนอาชีพเป็นชาวประมงหาปูตามชายฝั่ง และสามารถเก็บเงินสร้างบ้านขึ้นได้หลังหนึ่ง จนกระทั่งปี 2554 ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ทำให้บ้านได้รับความเสียหาย ต่อมาปี 2562 โดนพายุ “ปาบึก” พัดบ้านพังทั้งหลัง จึงได้เก็บกระเบื้องเก่า ไม้เก่า มากั้นเป็นหลังคาและผนังพอให้นอนหลับพักอาศัยได้


เขาเล่าอีกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 14 ปีที่ผ่านมา ต้องใช้ชีวิตแบบขัดสน ลูกหลานทำงานต่างจังหวัด แทบไม่ได้กลับมาเยี่ยม ต้องอาศัยข้าวจากเพื่อนบ้านและเงินผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท บางวันไม่มีอาหาร ต้องกินข้าวกับน้ำต้มสุกเพื่อประทังชีวิต


เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ตลอดเวลานี้มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือบ้างหรือไม่ นายการีมตอบว่า “มีแค่มาดู แล้วก็ถ่ายรูป แล้วก็หายไป” พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเครือว่า “14 ปีที่รอคอย ร้อยคนมีแค่ 1 คน ที่มาช่วยจริงๆ”

 


ด้าน หมวดอภัย ขุนศรี ผู้ใหญ่ใจดีในพื้นที่ ได้มอบเงินสดจำนวน 5,000 บาท พร้อมวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และทีมงานช่าง เพื่อช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับลุงการีม


ขณะเดียวกัน สจ.ชนัญญา ขุนศรี หรือ สจ.อร ซึ่งได้เข้าพื้นที่ก่อนหน้านี้ เผยว่า บ้านของลุงการีมไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีห้องน้ำ และอยู่ในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยอย่างเป็นทางการ ทำให้หน่วยงานภาครัฐไม่สามารถเข้าดูแลได้เต็มรูปแบบ จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ใหญ่ใจดีและภาคเอกชนเข้าช่วยเหลืออีกทาง

 


การลงพื้นที่ในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการเยียวยาช่วยเหลือเบื้องต้น แต่ยังสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังมีประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่ถูกมองข้ามและต้องการการดูแลอย่างจริงจังจากภาครัฐและสังคม


“บ้านไม่ต้องหลังใหญ่ ขอแค่ไม่ต้องนอนกลัวหลังคาถล่มก็พอแล้ว”-นายการีม บุญเทพ กล่าวปิดท้ายด้วยน้ำตาซึม

หน้าแรก » ภูมิภาค