เศรษฐกิจอีสานไตรมาส 2/2568 ยังเปราะบาง คาดทั้งปีโตเพียง 0.5–1.5% แบงก์ชาติชี้รายได้เกษตรกรหดตัวต่อเนื่อง 32 เดือน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคทรุด โดยเฉพาะกลุ่มฐานราก

ขอนแก่น – วันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ห้องปัญญาวิจิตร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส แถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคตะวันออกเฉียงเหนือในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยระบุว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคยังคงขยายตัวในระดับต่ำ คาดว่าตลอดปีนี้จะเติบโตเพียง 0.5–1.5% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เดิม และถือเป็นอัตราที่ไม่สะท้อนศักยภาพของพื้นที่

ดร.ทรงธรรมกล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่ทั่วถึง โดยเน้นอยู่ในบางภาคส่วน เช่น การส่งออก การลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยว ขณะที่ภาคส่วนอื่น โดยเฉพาะประชาชนระดับรากหญ้า ยังไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่องถึง 32 เดือน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

รายได้เกษตรกรยังคงลดลงจากราคาพืชผลหลักอย่างยางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย ที่ตกต่ำลงจากปีก่อน ขณะเดียวกันต้นทุนการผลิตกลับสูงขึ้น ทำให้รายได้สุทธิของเกษตรกรลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานการณ์ค้าขายและการใช้จ่ายในพื้นที่ยังคงซบเซา ส่วนปัญหาหนี้ครัวเรือนก็ยังเป็นแรงกดดันสำคัญต่อเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน

แม้มีปัจจัยบวก เช่น การส่งออกที่เร่งตัวก่อนถูกเก็บภาษีจากสหรัฐฯ การเบิกจ่ายลงทุนภาครัฐที่ทำได้ดี และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยย้ำว่า การฟื้นตัวยังไม่กระจายอย่างทั่วถึง เปรียบเหมือน “น้ำตกหลายชั้นที่น้ำยังไม่ไหลถึงรากหญ้า”

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว และการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ โดยแบงก์ชาติได้กำชับให้สถาบันการเงินเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ตามแนวทางที่กำหนดไว้