วันที่ 9 ต.ค. 2568 กรมชลประทานประกาศปรับลดการระบายน้ำ” ตั้งแต่เวลา 00.00 - 06.00 น. ของวันนี้ โดยปรับลดการระบายจาก 2,400 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,300 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝน-น้ำท่า และบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน 11 จังหวัด ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำท้ายเขื่อนลดลง 23 ซม.

สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 2,719 ลบ.ม./วินาที ลดลงต่อเนื่อง ส่วนที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.99 เมตร/รทก. ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ระบายน้ำในอัตรา 2,300 ลบ.ม./วินาที มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนทรงตัวอยู่ที่ 15.47เมตร/รทก. ห่างจากตลิ่ง 87 ซม.

ด้านนายมนตรี คุ้มเขตร์ นายกเทศมนตรีตำบลโพนางดำออก เปิดเผยว่าหลังเขื่อนเจ้าพระยาได้เพิ่มการระบายน้ำถึงระดับ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา  แรงดันน้ำได้ส่งผลให้ คันดินบริเวณวัดสมอเกิดการสไลด์ตัว ทำให้มวลน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อย่างรุนแรง โดยขณะนี้ได้เข้าท่วม หมู่ที่ 3 และเริ่มทยอยเอ่อล้นไปยัง หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 6 บางส่วน ของตำบลโพนางดำออก โดยมีช่องทางน้ำไหลเข้ากว้างประมาณ 10 เมตร ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจมีจำนวนครัวเรือนได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นอีก ข้อมูล ณ ปัจจุบัน มีประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบรวมประมาณ 1,200 ครัวเรือน โดยมีประชาชนจำนวน 600 ครัวเรือน ได้ทำการอพยพขึ้นมาพักอาศัยบนถนนคันคลองมหาราช ซึ่งในจำนวนนี้ มีประมาณ 100 ครัวเรือนที่เข้ามาเฝ้าดูแลทรัพย์สิน

ด้านการให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนที่อพยพมายังพื้นที่ปลอดภัย เทศบาลตำบลโพนางดำออกได้เร่งจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อการดำรงชีพอย่างเร่งด่วน โดยดำเนินการ ติดตั้งระบบไฟฟ้าและปลั๊กไฟ ให้บริการในทุกจุด จัดวางแท็งค์น้ำขนาด 2,000 ลิตร จำนวน 20 แท็งค์ ตลอดแนวที่พักอาศัย พร้อมเติมน้ำให้มีใช้อย่างต่อเนื่อง และ จัดสร้างห้องสุขาชั่วคราว จำนวน 28 ห้อง เพื่อควบคุมสุขอนามัยในพื้นที่อพยพ แจดน้ำหมักEMเพื่อช่วยย่อยสลายและกำจัดน้ำเน่าเสีย เปิดครัวทำข้าวกล่องแจกผู้ประสบภัยในทุกๆวันเพื่อบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน