วันที่ 20 พ.ย. 68 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเกือบทุกพื้นที่ยังมีฝนตกตลอด ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตกหนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป  ขณะเดียวกัน ในพื้นที่เสี่ยงหลายแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ย่านเศรษฐกิจ อ.ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระดับน้ำเริ่มที่จะลดลงบ้างแล้ว แต่ในบางช่วงมีน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นมา  สถานที่ราชการหลายแห่ง อาทิ เรือนจำอำเภอไชยา มีน้ำท่วมสูง ทางเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วน ได้ระดมกำลังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์และป้องกันไว้แล้ว โดยเมื่อวานนี้ พลโทนรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายชยันต์รัฐ รุ่งโรจวรารักษ์ นายอำเภอไชยา และภาคส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่และ ประชุมหารือร่วมกันเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างใกล้ชิด น้ำได้ท่วมขังภายในเรือนจำ มีระดับสูงกว่า 1 เมตร ต้องอพยพนักโทษขึ้นไปอยู่ชั้น 2 พร้อมกับเร่งสูบระบายน้ำออกจากภายในเรือนจำ นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังศูนย์ ปภ. เขต 11 เพื่อขอเครื่องสูบน้ำระยะไกล เพื่อเร่งระบายน้ำออกโดยเร็ว

และทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก ให้จัดเตรียมยุทโธปกรณ์และกำลังพลเพื่อพร้อมสนับสนุนการช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดเหตุ

ส่วนพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง ทั้งริมทะเล เช่น อ.ดอนสัก หลายพื้นที่ระดับน้ำท่วมสูง ส่วนใหญ่ท่วมบ้านเรือนราษฎรและพืชผลทางการเกษตร และต้องเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนอีกด้วย ส่วน ริมแม่น้ำคลองยัน ณ บริเวณสะพานเชื่อมต่อระหว่างหมู่ที่ 6 กับหมู่ที่ 10 ต.บ้านยาง  อ.คีรีรัฐนิคม  จ.สุราษฎร์ธานี  ช่วงเช้าวันนี้(20 พ.ย.68)  ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  จนถึงระดับแจ้งเตือน  โดยกระแสน้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว บางจุดเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ไร่สวนของราษฎรบ้างแล้ว  หลายคนเริ่มขนย้ายสิ่งของและทรัพย์สินมีค่าไปไว้ในที่ปลอดภัย  ขณะที่ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายจุมพฏ  วรรณฉัตรสิริ  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนพร้อมสั่งการให้อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ที่ราบลุ่ม/ที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน  ให้ระมัดระวังอุทกภัยจากปริมาณฝนที่เพิ่มมากขึ้น และปริมาณน้ำสะสมที่อาจเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก  ดินถล่ม  และน้ำล้นตลิ่งในระยะนี้ 

นอกจากนี้ให้อุทยานทุกแห่ง หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นน้ำตก ถ้ำ  จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างไกล้ชิด ถ้าสถานการณ์วิกฤติ  ให้ดำเนินการปิดหรือห้ามเข้าโดยเด็ดขาด  รวมทั้งให้ตรวจสภาพความพร้อมด้านกำลังพล  ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ  เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรณีเกิดภัยพิบัติ  ได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง.