วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 12:03 น.

การศึกษา

“สมเด็จชิน” ฝากการบ้าน 4 ข้อให้ “สุชาติ” ช่วยดำเนินการ -  “ดร.มหานิยม” ถามถึงตำรวจมีหลักฐานแค่ไหนจึงจับสึกพระ

วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 17.42 น.

“สมเด็จชิน” ฝากการบ้าน 4 ข้อให้ “สุชาติ ตันเจริญ” ช่วยดำเนินการ ด้าน “ดร.นิยม เวชกามา” ถามถึงตำรวจมีหลักฐานแค่ไหนจึงจับสึกพระ ทำไม! ไม่ประสานเจ้าคณะปกครอง เจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธก่อน! 

เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2568 วานนี้เวลา 15.00 น. นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมคณะประกอบด้วย ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายอินทพร จันเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เดินทางเข้าสักการะสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ ณ พระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พร้อมกันนี้ได้กราบนมัสการ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เพื่อขอข้อแนะนำเกี่ยวกับการขับเคลื่อนกิจการงานพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์


 
มีรายงานว่า สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้ฝากนโยาย 4 ข้อ ขอให้ นายสุชาติ ตันเจริญ  ช่วยดำเนินการ  คือ 1. การดูแลรักษาศาสนสมบัติของวัด ควรมีมาตรการที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากแนวคิดการจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา ซึ่งอาจประสบข้อจำกัดทางกฎหมายแล้ว อาจพิจารณาเชิญธนาคารของรัฐบางแห่งเข้ามาร่วมดำเนินงาน หรือจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อรองรับภารกิจดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งธนาคารใหม่ เนื่องจากการตั้งธนาคารพุทธเป็นแนวคิดที่อยากทำกันมานานแต่อาจจะมีปัญหาด้านข้อพระวินัยและกว่าจะผ่านสภาต้องใช้เวลานานและอาจมีปัญหาอุปสรรค 2. การคุ้มครองพระภิกษุผู้ประพฤติดี และการจัดการกับผู้ประพฤติมิชอบ ปัจจุบันยังคงมีช่องว่างทางกฎหมาย และข้อจำกัดด้านอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งทำให้การดำเนินการในบางกรณียังไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้รัฐมนตรีและคณะไปศึกษาข้อกฎหมายว่าทำอย่างไรจึงจะดำเนินการเสริมสภาพคล่องการทำงานให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้บ้าง 3. กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองพระพุทธศาสนา จำเป็นต้องมีการทบทวนให้ครอบคลุมกรณีที่เกิดปัญหา เช่น การที่สตรีบางรายเข้ามาสร้างปัญหา หรือพระภิกษุบางรูปที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมแต่ปกปิดข้อมูลไว้ ควรมีการพิจารณาแก้ไขกฎระเบียบและข้อกฎหมายบางประการ ในบางกรณีอาจจะควรรับผิดทางอาญาด้วยหรือไม่ และ ประการที่ 4.การปรับโครงสร้างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่แล้ว ควรเร่งให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับพันธกิจเร่งด่วนและมีบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาร่วมพัฒนาองค์กรจึงเป็นเรื่องสำคัญอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ

ด้าน ดร.นิยม เวชกามา กล่าวว่าในขณะนี้วงการสงฆ์ของไทยกำลังสั่นสะเทือนเพราะมีพระมหาเถระระดับผู้บริหารคณะสงฆ์ถึง 8 รูป ต้องข้อกล่าวหามีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงคืออาบัติปาราชิก กรณีไปมีความเกี่ยวข้องกับผู้หญิงรายหนึ่งและพวก แฝงตัวเข้ามาหวังผลประโยชน์กับพระภิกษุสงฆ์ ศีลของพระภิกษุมี 227 ข้อแต่ข้อที่หนักที่สุดคือปาราชิก เสพเมถุนต้องปาราชิก ฆ่ามนุษย์ต้องปาราชิก ลักทรัพย์ต้องปาราชิก อวดอุตริมนุษธรรมที่ไม่มีในตนต้องปาราชิก พระภิกษุจะบวชวันเดียวหรือบวช 100 ปีเป็นถึงมหาเถรานุเถระก็ต้องถือศีล 227 เหมือนกันโดยเฉพาะถ้าขาดศีลข้อปาราชิก 4 นี้แล้วต้องขาดจากความเป็นพระภิกษุทันทีนับแต่ต้องอาบัติ ปาราชิก ถึงแม้ท่านจะอยู่ในผ้าเหลืองก็ไม่ใช่พระภิกษุ

“ผมเองไม่ปกป้องผู้ที่กระทำผิดวินัยครุอาบัติ แต่ที่ผมต้องพูดขอทวงคืนควาเป็นธรรม ให้แก่ชาวพุทธในวันนี้คือกลุ่มที่มาก่อกวนกลุ่มที่เป็นมารเพื่อสร้างปัญหาให้เกิดความด่างพร้อยแก่ชาวพุทธแก่พระพุทธศาสนาคือคนกลุ่มเดียวกันแก๊งเดียวกันทำเป็นขบวนการ โดยมุ่งไปที่พระผู้ใหญ่ที่เป็นพระชั้นปกครองชั้นดูแลเงินทอง มีเงินมีทองเป็นหลัก เริ่มจากอาละวาดจากภาคเหนือแล้วก็มาอาละวาดหาเงินขู่บังคับขู่เข็ญแบล๊คเมล์ทำลายพระสงฆ์ในส่วนกลางด้วยนี่คือปัญหาต้องพูดกัน ผมดูจากสื่อต่างๆไม่ว่าสื่อใหญ่สื่อเล็กสื่อโซเชียลข้อมูลตรงนี้เป็นเพียงอ้างภาพถ่ายต่างๆแล้วพระเหล่านั้นก็สึกออกไปบางรูปยังยืนยันว่าตัวเองยังไม่ได้กระทำความผิดถึงขนาดนั้นแต่ก็เป็นการรักษาไว้ซึ่งพระพุทธศาสนายอมสึก แต่ผมต้องถามต่อไปว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานมากน้อยแค่ไหน ผมอยากให้ประสานทางคณะสงฆ์ผู้ปกครองสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เอาความผิดมาพูดกัน เอาหลักฐานมาหารือกัน พระผิดก็ต้องสึกไปแต่พวกที่เป็นบ่อนทำลายต้องมีความผิดด้วยเพราะเป็นเป้าหมาย ดูแล้วผู้หญิงคนเดียวจ้องเป้าหมายเอาพระผู้ใหญ่ถึง 8 รูป ต้องสึกแสดงว่ามีการวางแผนมีการประสงค์ร้ายต่อวงการพระสงฆ์ต่อวงการพุทธศาสนาแน่นอน เรื่องนี้คณะสงฆ์อย่านิ่งนอนใจ ต้องจับมือกันระหว่างคณะสงฆ์ รัฐบาล ตำรวจ องค์กรพุทธต่างๆ มาคุยกันมันถึงเวลาต้องช่วยกันจรรโลงพระพุทธศาสนา เพราะเห็นแล้วสลดใจอย่างยิ่ง..”
 

หน้าแรก » การศึกษา