วันพุธ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 06:24 น.

การศึกษา

ดันตั้ง "ธนาคารพระพุทธศาสนา" เพื่อจัดระบบการเงินสงฆ์ให้โปร่งใส เป็นจริงหรือแค่ขายฝันของ "สุชาติ ตันเจริญ"

วันอังคาร ที่ 08 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 14.10 น.

วิกฤตศรัทธาและปัญหาเรื้อรังของการจัดการทรัพย์สินวัด
ประเทศไทยในฐานะประเทศพุทธที่มีประชากรส่วนใหญ่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ย่อมมีความคาดหวังสูงต่อความบริสุทธิ์ของคณะสงฆ์และการใช้จ่ายทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคอย่างโปร่งใส อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ได้เกิดกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับทรัพย์สินวัดและพฤติกรรมพระผู้ใหญ่เป็นระยะ เช่น กรณีพระสงฆ์มีทรัพย์สินจำนวนมากผิดวิสัยสมณะ การยักยอกเงินบริจาค การฟอกเงินผ่านบัญชีวัด รวมถึงข้อครหาการใช้เงินวัดอย่างไม่เหมาะสม

ปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิด "วิกฤตศรัทธา" ซ้ำซาก ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ของพุทธศาสนาในประเทศไทยอย่างมาก ทั้งยังสะท้อนช่องโหว่ของระบบบริหารจัดการทรัพย์สินวัดที่ขาดกลไกควบคุมและตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ

ความพยายามในอดีต – จากการตรวจสอบเงินวัด สู่แนวคิดรวมศูนย์การเงินสงฆ์
ในอดีต แนวคิดในการปฏิรูประบบการเงินของวัดไม่ใช่เรื่องใหม่

ช่วงปี 2540–2560: มีการผลักดันให้วัดต้องเปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และจังหวัด แต่ก็ยังขาดการบังคับใช้ที่เข้มงวด ข้อมูลมักไม่ครอบคลุม และไม่สามารถตรวจสอบได้จริงในเชิงลึก

ปี 2560–2561: ภายหลังการตรวจสอบคดีเงินทอนวัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระผู้ใหญ่และข้าราชการ พศ. ทำให้รัฐบาลภายใต้ คสช. เสนอมาตรการปฏิรูประบบการเงินวัด เช่น บัญชีเดียวของวัด การใช้ระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร และการสั่งห้ามใช้เงินสดในบางกิจกรรมของวัด

แนวคิดจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา: เริ่มมีการพูดถึงในแวดวงวิชาการและนักปฏิรูปศาสนา ตั้งแต่ช่วงปี 2562 เป็นต้นมา โดยเสนอให้มี "หน่วยงานกลางด้านการเงินสงฆ์" ทำหน้าที่ดูแลการเงิน การลงทุน และทรัพย์สินของวัดทั้งประเทศ แต่ยังไม่มีการผลักดันในระดับนโยบายอย่างจริงจัง

แนวทางของรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายสุชาติ ตันเจริญ
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เขาพร้อมรับผิดชอบภารกิจดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และจะดำเนินนโยบายเชิงรุกในการจัดระบบทรัพย์สินวัด พร้อมเสนอแนวทางการจัดตั้ง "ธนาคารพระพุทธศาสนา" อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายหลัก ได้แก่

แยกทรัพย์สินวัดออกจากทรัพย์สินของพระ: เพื่อให้การจัดการเงินบริจาคมีความชัดเจน โปร่งใส และไม่ก่อให้เกิดข้อครหา
สร้างระบบบัญชีและการตรวจสอบแบบมืออาชีพ: ด้วยมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ลดความเสี่ยงจากการทุจริต
จัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา: เป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจที่ดูแลธุรกรรมการเงินวัดทั้งประเทศ อาจมีสถานะคล้ายสหกรณ์ หรือธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ โดยต้องออกกฎหมายรองรับ

นายสุชาติยังกล่าวว่า จะหารือกับมหาเถรสมาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างสันติและได้รับความร่วมมือจากพระสงฆ์ทุกระดับ

ความท้าทายและโอกาสของ "ธนาคารพระพุทธศาสนา"
ความท้าทาย:

การสร้างความเข้าใจและยอมรับจากคณะสงฆ์ ซึ่งบางส่วนอาจมองว่าเป็นการแทรกแซงจากฝ่ายบ้านเมือง
การออกกฎหมายจัดตั้งธนาคาร ซึ่งต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้ขัดกับหลักธรรมาภิบาลของศาสนา
การเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินวัดทั่วประเทศให้เข้าสู่ระบบเดียวกัน

โอกาส:
ช่วยฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนต่อพระพุทธศาสนา
เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริจาค ว่าทรัพย์สินของวัดจะถูกใช้อย่างโปร่งใส
สร้างต้นแบบใหม่ของการจัดการทรัพย์สินศาสนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งอาจขยายผลไปยังศาสนาอื่น

 แนวคิดในการจัดตั้ง "ธนาคารพระพุทธศาสนา" จึงมิใช่แค่การตั้งองค์กรใหม่ หากแต่เป็นการวางโครงสร้างใหม่ให้กับระบบการเงินและทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เพื่อสร้างกลไกที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และฟื้นคืนความศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนอย่างยั่งยืน โดยมีรากฐานจากบทเรียนในอดีตที่สะท้อนว่าการจัดระเบียบวัดแบบต่างคนต่างทำไม่อาจแก้ปัญหาได้อีกต่อไป 
 

หน้าแรก » การศึกษา