วันเสาร์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2568 03:11 น.

การศึกษา

สารทเดือนสิบเมืองคอน : “หลบบ้าน” ปีนี้ ห้ามพลาดของดีเมนูอาหารสีดำ

วันศุกร์ ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.34 น.

สารทเดือนสิบเมืองคอน : “หลบบ้าน” ปีนี้ ห้ามพลาดของดีเมนูอาหารสีดำ

 

“เดือนสิบให้เห็นหน้า เดือนห้าให้เห็นตัว” คือ ถ้อยคำที่ปู่ย่าตายายชาวใต้พูดสืบต่อกันมา เป็นเหมือนนาฬิกาหัวใจที่นับวันรอให้ลูกหลานกลับบ้านมาพร้อมหน้า เพราะสารทเดือนสิบไม่ใช่เพียงงานบุญ แต่คือสัญญาใจเพื่อสานสายใยในครอบครัว ว่าอย่างน้อยปีละครั้ง ทุกคนจะได้กลับมากินข้าวด้วยกัน ทำบุญอุทิศเพื่อบรรพบุรุษ และเติมเต็มความคิดถึงที่เก็บไว้นาน

ในปีนี้ ความหมายของคำว่า “หลบบ้าน” หรือ “กลับบ้าน” ยิ่งลึกซึ้งไปกว่าเดิม เมื่อเทศกาลสารทเดือนสิบที่สืบสานกันมานับพันปี ถูกต่อยอดสู่ เมนูอาหารสีดำ ที่ทั้งน่าลิ้มลองและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เป็นบทพิสูจน์ว่าประเพณีเก่าแก่ก็สามารถก้าวข้ามกาลเวลาได้ โดยยังคงรักษาแก่นแท้ของความกตัญญูเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการ “เทสใต้ Tasty เมนูอาหารสีดำ” ที่มีแนวคิดจะยกระดับ ไม่ใช่เพียงแค่ดึงดูดลูกหลานให้กลับมาสัมผัสเสน่ห์ใหม่ๆ ของเมือง แต่ยังรวมถึงการดึงดูดนักเดินทางใหม่ๆ ให้เข้ามาในจังหวัดมากขึ้นเช่นกัน

 

 

ในเดือนกันยายนนี้ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้การขับเคลื่อนของ สำนักส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ภาคใต้ หรือ ทีเส็บ ชักชวนร้านอาหารกว่า 30 ร้าน ใน 7 อำเภอ ได้แก่ เมือง พรหมคีรี ขนอม สิชล ท่าศาลา ทุ่งสง และปากพนัง เพื่อร่วมกันรังสรรค์เมนูอาหารสีดำขึ้นมาเป็นพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาล โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อเรื่อง "ความขลัง" และ "ความมู" ของจังหวัด “สีดำ” จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ที่สอดคล้องกับความเชื่อเรื่องการเดินทางของวิญญาณบรรพบุรุษในช่วงสารทเดือนสิบ หัวใจหลักของโครงการคือการใช้ “อาหาร” เป็น Soft Power เพื่อเล่าเรื่องราวของประเพณีนี้ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดาย

หัวใจของงาน: "หมฺรับ" สำรับแห่งความกตัญญู -  หากพูดถึงประเพณีสารทเดือนสิบ คำแรกที่คนใต้ทุกคนต้องนึกถึงคือ "หมฺรับ" หรือ "มฺรับ" ในภาษาใต้ ซึ่งหมายถึง "สำรับ" ศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกหลานจัดทำขึ้นอย่างประณีตเพื่อนำไปถวายพระสงฆ์และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับที่เชื่อกันว่าได้เดินทางกลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์ หมฺรับจึงเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความเชื่อ ความผูกพัน และหัวใจของความเป็นคนใต้ที่ให้ความสำคัญกับความกตัญญูเป็นอย่างยิ่ง

ภาพจำในอดีตของหมฺรับคือ กระบุงไม้ไผ่สานขนาดใหญ่ ที่บรรจุสิ่งของนานาชนิดจนเต็มเปี่ยม แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยน เป็นถาดหรือกระเชอที่ทันสมัยขึ้น แต่แก่นสารและความหมายไม่เคยจางหายไป สิ่งของที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบภายในหมฺรับแต่ละชั้นล้วนมีนัยยะสำคัญซ่อนอยู่ และเชื่อกันว่าเป็นของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทางของดวงวิญญาณในโลกหน้า เปรียบเสมือนการจัดเตรียม "สัมภาระ" ให้บรรพบุรุษได้เดินทางอย่างสะดวกสบายและมีความสุข

ชั้นล่างสุด: มักบรรจุ อาหารแห้ง ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ เช่น ข้าวสาร พริก เกลือ กะปิ และปลาเค็ม ซึ่งเปรียบเสมือนเสบียงที่ใช้ในการเดินทางอันยาวไกล

ชั้นที่สอง: จัดวาง พืชผลทางการเกษตร ที่เก็บได้นาน เช่น กล้วย มะพร้าว มันเทศ และอ้อย เป็นสัญลักษณ์ของ ความอุดมสมบูรณ์

ชั้นที่สาม: เป็นชั้นของ เครื่องใช้ประจำวัน ที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต เช่น หม้อ กระทะ เข็ม และด้าย รวมถึงเครื่องบูชาอย่างธูปและเทียน ซึ่งเปรียบได้กับ เครื่องมือสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในภพภูมิหน้า

ชั้นบนสุด: คือหัวใจสำคัญของหมฺรับที่เต็มไปด้วย ขนมเดือนสิบทั้ง 5 ชนิด ซึ่งแต่ละอย่างล้วนมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง  ได้แก่ ขนมลา ทำหน้าที่เป็น ผืนผ้าเครื่องนุ่งห่ม ขนมพอง เปรียบเสมือน เรือหรือแพ สำหรับข้ามวัฏสงสาร ขนมกง หรือขนมไข่ปลา เป็นตัวแทนของ เครื่องประดับ  ขนมดีซำ หมายถึง เงินตรา หรือเบี้ยที่ใช้ในการเดินทางขนมบ้า คือ ของเล่นหรือลูกสะบ้า เพื่อสร้างความสนุกสนานและคลายเหงาให้แก่ดวงวิญญาณ

 

 

ดังนั้น หมฺรับจึงไม่ใช่แค่การจัดเตรียมสิ่งของเพื่อทำบุญ แต่คือการแสดงออกถึง ความกตัญญู ที่เต็มไปด้วยความรัก ความเชื่อ และความหวังดีที่ลูกหลานมีต่อบรรพบุรุษ

อีกมุมหนึ่ง แม้ "หมฺรับ" จะเป็นแก่นหลักของประเพณีสารทเดือนสิบที่สะท้อนถึงความกตัญญูและเป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรมทางศาสนา แต่ในยุคที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมสมัยใหม่มากขึ้น โครงการ “เทสใต้ Tasty” จึงได้เข้ามาเติมเต็มและ “ต่อยอด” ประเพณีนี้อย่างชาญฉลาด โดยหยิบยกเอาความหมายเชิงสัญลักษณ์ของประเพณีมาตีความใหม่ผ่าน "อาหารสีดำ" ซึ่งเป็นสีที่เชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องความขลังและความมูของชาวนคร

การผสานกันนี้ช่วยขยายขอบเขตของเทศกาลให้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการทำบุญหรือขบวนแห่ในช่วงกลางวันเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นงานเทศกาลที่ผู้คนสามารถ “กิน เที่ยว แชร์” ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน การสร้างสรรค์เมนูอาหาร    สีดำที่ร่วมสมัยนี้ ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่รู้สึกว่าประเพณีเป็นเรื่องไกลตัวหรือเป็นเพียง “ประเพณีโบราณ” อีกต่อไป แต่กลับรู้สึกว่าเป็น งานร่วมสมัย ที่พวกเขามีส่วนร่วมและสามารถภาคภูมิใจในรากเหง้าของตนเองได้

สารทเดือนสิบปีนี้ หากอยากสัมผัส “มิติใหม่ของความเชื่อแห่งรสชาติอาหารสีดำ” คุณไม่ควรพลาด 10 เมนูเด็ดที่เกิดจากการตีความวัฒนธรรมสู่ความร่วมสมัย แต่ละจานคือการเล่าเรื่องผ่านสีดำที่ทั้งน่าค้นหาและอร่อยไม่เหมือนใคร แกงคั่วกรรเชียงปู Black Pearl (ขนมยิ้มซีฟู้ด): แกงคั่วใต้รสเผ็ดร้อนที่คุ้นเคย ถูกยกระดับด้วยกรรเชียงปูชิ้นโต และซอส "Black Pearl" สีเข้มข้นราวอัญมณี  My Nakhon เค้กเบียร์ดำ (AG) :  เค้กสีดำเข้มทำจาก JIB Stout คราฟเบียร์ดำจากโรงเบียร์ท้องถิ่นนครศรีธรรมราช ผสม ช็อกโกแลตจากฟาร์มในอำเภอท่าศาลา รสชาติเด่นเป็นเอกลักษณ์ ข้าวมันโคลนทะเลอ่าวไทย (ครัวตังเก): ข้าวมันหอมๆ ที่ผสมซอสทะเลสีดำเข้ม เสิร์ฟคู่ซีฟู้ดสดจากอ่าวไทย ทุกคำคือการพาคนกินดำน้ำสู่ท้องทะเลคอนผ่านรสชาติ  

แกงโคลน  (แลเล): แกงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความขลังของสีดำและเอกลักษณ์รสชาติแบบชาวใต้แท้ๆ บุญ-พองเดือนสิบ (Blue Surf Cafe): เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขนมเดือนสิบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาล ขนมลาบัน (Ek’s bake house) : ขนมปังโฮมเมด ผสานกับความกรอบบางเบาของ ขนมลา ขนมประจำงานบุญเดือนสิบ ได้รสสัมผัสกรอบ-นุ่มในคำเดียว ราวกับเชื่อมอดีตกับปัจจุบันให้ละลายในปาก  เป-ตะ ดำสารท (Bangkok Coffee): กาแฟสกัดเย็นที่ตั้งชื่อให้เข้ากับเทศกาลโดยเฉพาะ “เป-ตะ” คือคำเรียกขานของ “เปรต” ในหมู่คนคอน ถ่ายทอดเป็นความเข้มข้นของกาแฟดำผสมกับความนุ่มละมุนของนม   เฟตตูชินี่ผัดขี้เมาทะเลลุยกระทะทองแดง (wine no.6): เส้นพาสต้าสีดำที่ทำขึ้นพิเศษ ผสมผสานรสชาติแบบอิตาเลียนเข้ากับวัตถุดิบท้องถิ่น  kiekie latte (Mary feel): ลาเต้สีดำเข้มที่ถูกรังสรรค์อย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบคุณภาพดี ให้รสชาติที่กลมกล่อมและน่าค้นหา  ปลาย่างซอสโคลน (kole): ปลาเนื้อสดจากทะเลใต้ถูกย่างบนเตาถ่านจนหอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อม “ซอสโคลน” สีดำที่ทั้งน่าฉงนและเข้ากันได้อย่างลงตัว  

               ส่งข่าวได้ที่  email : saowaporn12345@gmail.com   และ  bat_mamsao@yahoo.com

หน้าแรก » การศึกษา