การศึกษา
ม.กรุงเทพ พลิกโมเดลการเรียนรู้ ยุคที่ปริญญาต้อง “ใช้งานได้จริง”
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
ม.กรุงเทพ พลิกโมเดลการเรียนรู้ ยุคที่ปริญญาต้อง “ใช้งานได้จริง”
ในยุคที่เทคโนโลยีและสังคมหมุนเร็วจนแทบตามไม่ทัน คำถามสำคัญของนักเรียนและผู้ปกครองยังคงเหมือนเดิม ควรเลือกเรียนอะไรถึงจะไม่ตกยุค? ปริญญาแบบไหนที่จะยังมีคุณค่าในวันที่โลกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ที่ม.กรุงเทพไม่ได้มองแค่การ "สอน" ความรู้ที่มีอยู่ แต่กำลัง "ออกแบบ" หลักสูตรเพื่อสร้าง "คน" ที่อุตสาหกรรมในอนาคตกำลังมองหาอย่างจริงจัง เป็นการสร้างบุคลากรที่ไม่ได้มีแค่ความรู้ในตำรา แต่มีทักษะ ทัศนคติ และประสบการณ์ที่ทำได้จริงพร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกวัน
วิศวกร AI ที่เป็น CEO ได้

อ.ภัทรารัตน์ ตั้งนิสัยตรง ผู้อำนวยการหลักสูตรวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์และการเป็นผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่าปัญหาใหญ่ที่ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญ ไม่ใช่เพียงความต้องการวิศวกร AI แต่เป็นวิกฤตการขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ ข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ระบุว่า ประเทศไทยขาดแคลนวิศวกร AI ถึงปีละ 80,000 ตำแหน่ง แต่ทักษะด้านเทคนิคเพียงอย่างเดียวกลับไม่เพียงพออีกต่อไป วิศวกรแบบดั้งเดิมมักเก่งเรื่องเทคโนโลยี แต่ขาดทักษะการเป็นผู้ประกอบการ เช่น การสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ และการวางแผนธุรกิจ ทำให้ไอเดียดีๆ หลายอย่างไม่สามารถเกิดขึ้นจริงในเชิงพาณิชย์ได้
“ม.กรุงเทพได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) สร้างหลักสูตรที่ผสมผสานความรู้ด้านวิศวกรรม AI เข้ากับทักษะการเป็นผู้ประกอบการ โดยใช้ปรัชญา "ล้มให้เร็ว เรียนรู้ให้เร็ว" (fail fast, learn fast) ทำให้นักศึกษาได้เริ่มสร้างไอเดียธุรกิจและออกไปพูดคุยกับลูกค้าตัวจริงตั้งแต่ปี 1 พวกเขาไม่ได้เรียนแค่ทฤษฎี แต่เรียนรู้จากโลกการทำงานจริงๆ ผ่านการลงมือทำและแก้ไขปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 4 ปี” อ.ภัทรารัตน์ กล่าว
เชี่ยวชาญ AI เข้าใจความเป็น 'คน'
เป้าหมายของหลักสูตรดังกล่าว ไม่ได้เพียงผลิตวิศวกร แต่เป็นการสร้างบุคลากรสายพันธุ์ใหม่ บัณฑิต จะเป็นนวัตกร AI ที่มีหัวใจและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งคำว่ามีหัวใจ หมายถึงความลึกซึ้งกว่าแค่ความรู้สึก เพราะผู้ประกอบการที่ดีต้องเข้าใจคน เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาดและสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้จริง
“หลักสูตรนี้จะช่วยแก้ปัญหาสำคัญของวงการวิศวกร เพราะบัณฑิตวิศวกรรมที่เก่งเชิงเทคนิค ส่วนใหญ่จะขาดทักษะด้านการสื่อสาร พรีเซนเตอร์ไอเดีย หรือนวัตกรรมที่คิดค้นไม่ได้ รวมถึงความเป็นผู้ประกอบการ ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการหลอมรวมความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมจาก สจล. โดย 2 ปีแรกเด็กจะเรียนที่สจล. เข้ากับความแข็งแกร่งด้านความคิดสร้างสรรค์และจิตวิญญาณผู้ประกอบการของ ม.กรุงเทพ จากการเรียนที่ม.กรุงเทพ ไป 2 ปีสุดท้าย แต่เด็กจะได้เรียนจากอาจารย์ทั้ง 2 สถาบัน บ่มเพาะความเป็นวิศวกร AI และความเป็นผู้ประกอบการ” อ.ภัทรารัตน์ กล่าว
ในยุคที่ AI ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง การสร้าง "นวัตกรที่มีหัวใจ" จึงไม่ใช่แค่จุดขายของหลักสูตร แต่เป็นเกราะป้องกันสำคัญต่อความเสี่ยงทางจริยธรรมของเทคโนโลยี เป็นหลักประกันว่านวัตกรรมแห่งอนาคตจะถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรับใช้และยกระดับมวลมนุษยชาติ

เรียนรู้ผ่าน Incubation Program
อ.ภัทรารัตน์ กล่าวอีกว่าหลักสูตรนี้ผนวกผ่าน Incubation Program (โครงการบ่มเพาะธุรกิจ) เข้าไปตั้งแต่อยู่ปีที่ 1 ซึ่งมีโครงสร้าง 3 ส่วน คือ 1.Talks เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ AI 2.Workshops การฝึกฝนทักษะจำเป็น เช่น การวางแผนการเงินและการพัฒนาไอเดีย และ 3.Events เวทีที่นักศึกษาจะได้นำเสนอแผนธุรกิจของตนเองต่อนักลงทุนตัวจริง
วิศวกร AI ทั่วไปอาจถามว่า “ฉันจะใช้เทคโนโลยีอะไรสร้างสิ่งนี้ได้บ้าง?” แต่วิศวกรที่จบจากม.กรุงเทพจะถามว่า “นวัตกรรมชิ้นนี้จะช่วยให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นได้อย่างไร?” นี่คือการเปลี่ยนนิยามของวิศวกรจากผู้สร้างเทคโนโลยีไปสู่นักแก้ปัญหาเพื่อมนุษย์อย่างแท้จริง อยากชวนคนรุ่นใหม่เรียนรู้ความเป็นนวัตกร AI ที่หลักสูตรนี้
นักการตลาดดิจิทัลที่ทำงานจริง

ขณะที่ “หลักสูตรการตลาดดิจิทัล” อีกหนึ่งหลักสูตรที่ให้ความสำคัญกับการลงมือทำจริง มากกว่าทฤษฎีในห้องเรียน ดร.กิตติภูมิ ศุภมนตรี ผู้อำนวยการหลักสูตรการตลาดดิจิทัล กล่าวว่าหากไปถามนักศึกษาที่เรียนม.กรุงเทพว่าเรียนเป็นอย่างไร พวกเขาอาจไม่ได้ตอบว่า "เรียนหนัก" แต่จะตอบว่า "งานเยอะ" เพราะสิ่งที่ได้เรียนรู้ในหลักสูตรการตลาดดิจิทัล ไม่ใช่การท่องจำเพื่อสอบ แต่เป็นการทำงานจริง
“หลักสูตรการตลาดดิจิทัล ม.กรุงเทพ เป็นสนามจำลองที่นักศึกษาจะได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง เช่น เมื่อนักศึกษาเสนอไอเดียแคมเปญสุดสร้างสรรค์ อาจเจอคำถามเรียบง่ายแต่ทรงพลังจากลูกค้าตัวจริงว่า "ไอเดียที่จะใช้ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอาจดีมาก แต่รู้ไหมว่าค่าตัวเขาเท่าไหร่?" คำถามแบบนี้จะหล่อหลอมให้นักศึกษาคิดอย่างรอบด้านและปฏิบัติได้จริงภายใต้ข้อจำกัดทางธุรกิจ ดร.กิตติภูมิ กล่าว
โครงงานของนักศึกษากว่า 70% เป็นโจทย์ที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมจริงๆ เช่น แบรนด์ดังอย่าง AMD นักศึกษาต้องทำวิจัยตลาดจริง วางแผนจริง และสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ใช้งานได้จริง จนมีหลายโปรเจกต์ที่ลูกค้าตัดสินใจซื้อไปใช้งานต่อ ทำให้พวกเขาสะสมผลงานระดับมืออาชีพ (Portfolio) ที่จับต้องได้ และพร้อมทำงานทันทีที่เรียนจบ หรืออาจจะถูกดึงตัวไปทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ

สอนใช้เทคโนโลยี เป็น 'นาย' AI
ดร.กิตติภูมิ กล่าวต่อไปว่าหลักสูตรดังกล่าว เปิดรับนักศึกษามา 8-9 รุ่น และมีการปรับตัวตลอดเวลาเพื่อให้ก้าวทันโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ AI สถาบันการศึกษาบางแห่งอาจกังวลหรือปิดกั้นการใช้เครื่องมือ AI แต่ “ม.กรุงเทพ” กลับมีมุมมองที่สวนกระแส “หลักสูตรการตลาดดิจิทัล” ไม่เพียงไม่ห้ามการใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT แต่ยังสอนให้นักศึกษารู้จักใช้งานอย่างชาญฉลาด เข้าใจข้อจำกัด และมีจริยธรรมในการนำไปใช้
“เป้าหมายสูงสุด คือ การสร้างคนที่สามารถเป็น "ผู้ริเริ่ม" และ "ผู้ตัดสินใจ" ได้โดย AI เป็นเพียงผู้ช่วยที่ทรงพลัง ไม่ใช่คนที่จะเชื่อทุกอย่างที่เครื่องมือบอก เพราะมนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวและใช้งานเครื่องมือใหม่ๆ ให้เป็นประโยชน์สูงสุด ทักษะที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ไม่ใช่แค่การกดปุ่มสั่งงาน AI ต้องมีความสามารถในการยืนหยัด ปกป้อง และถกเถียงแนวคิดที่ได้มากับผู้เชี่ยวชาญในโลกธุรกิจจริงได้” ดร.กิตติภูมิ กล่าว
นี่คือการเตรียมความพร้อมสู่โลกการทำงานจริง ที่ซึ่งประสบการณ์กับลูกค้าและทักษะการใช้เครื่องมือล่าสุด มีค่ามากกว่าความรู้ทางทฤษฎีในตำรา
อย่างไรก็ตาม หลักสูตรนี้ตอบโจทย์นักศึกษารุ่นใหม่อย่างตรงจุด ที่หลายคนมีความฝันอยากจะมีธุรกิจหรือช่องคอนเทนต์เป็นของตัวเอง แต่การสร้างคอนเทนต์ให้มีส่วนร่วม นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่นี่สอนให้คิดไกลกว่านั้น คือการวางโมเดลธุรกิจ และการสร้างรายได้ เพื่อให้ช่องหรือธุรกิจนั้นสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ประชาคมโลกขนาดย่อมในห้องเรียน

ดร.นิธิวดี จรรยาสวัสดิ์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติจีน และหัวหน้าหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ (มุ่งเน้นธุรกิจจีน) กล่าวว่า การรู้ภาษาจีนคือตัวสร้างสมดุลที่สำคัญระหว่างวัฒนธรรมธุรกิจโลกตะวันออกและตะวันตก หลักสูตรบริหารธุรกิจ (BBA) ที่เน้นการใช้ภาษาจีนและอังกฤษเพื่อธุรกิจระหว่างประเทศของ ม.กรุงเทพ ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างบัณฑิตที่พร้อมสำหรับเวทีโลก
“ความแตกต่างของการเรียนรู้ในหลักสูตรดังกล่าว จะเป็นการเปลี่ยนห้องเรียนให้กลายเป็นประชาคมโลกขนาดย่อม ห้องทดลองมีชีวิตสำหรับการพัฒนาธุรกิจข้ามวัฒนธรรม เรียนรู้และสร้างเครือข่ายจากนักศึกษาหลากหลายเชื้อชาติที่มาเรียนร่วมกัน และการรับโจทย์จากธุรกิจ ผู้ประกอบการจริงๆ พวกเขาจะมี ต้นทุนของแต่ละชาติมาผสมผสาน ก่อให้เกิดโมเดลธุรกิจแบบผสมผสานที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในห้องเรียนที่มีแต่วัฒนธรรมเดียว”
การเรียนการสอนจะมุ่งเน้นการลงมือทำผ่าน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ การค้าระหว่างประเทศ, ธุรกิจสร้างสรรค์ (Creative Business), ธุรกิจบันเทิง (Entertainment Business) และอีกสองกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจโลก นักศึกษาจะได้แก้โจทย์จริงจากบริษัทพันธมิตร และเรียนรู้การใช้เครื่องมือทางธุรกิจในต่างแดนแต่คนไทยอาจยังไม่คุ้นเคย เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซของจีนอย่าง เสี่ยว หงชู (Xiaohongshu) ซึ่งเป็นความรู้เฉพาะทางที่สร้างความได้เปรียบในตลาด

อาชีพหลากหลาย ไม่จำกัดแค่พนักงาน
ดร.นิธิวดี กล่าวต่อว่า เป้าหมายสูงสุดของหลักสูตรคือการสร้างบุคลากร Mobility ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์การทำงานต่างประเทศ แต่เป็นบุคลากรที่มีความคล่องตัวสูง สามารถดำเนินธุรกิจในบริบทสากลได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก ไม่ว่าจะเปิดบริษัทในไทยโดยมีคู่ค้าเป็นชาวต่างชาติ หรือย้ายไปสร้างโอกาสในประเทศอื่นๆ ดังนั้น การศึกษาด้านบริหารธุรกิจในศตวรรษที่ 21 ต้องเรียนรู้ทฤษฎี ผ่านการบ่มเพาะวิธีคิดแบบสากล (Global Mindset) การฝึกฝนทักษะความร่วมมือข้ามวัฒนธรรม และการติดอาวุธด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อนำทางในโลกที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกัน
"ธุรกิจในยุคใหม่ที่กว้างไกลกว่าเดิม นักศึกษาไม่ได้ตั้งเป้าเป็นพนักงานออฟฟิศ พวกเขาพร้อมประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อสร้างเส้นทางของตัวเอง เช่น การเป็น KOL ที่เจาะตลาดวงการบันเทิงจีนโดยตรง หลักสูตรดังกล่าว เหมาะสำหรับคนที่มองกว้าง และต้องการสร้างอาชีพที่ไร้พรมแดน คว้าโอกาสในอุตสาหกรรมที่หลากหลายด้วยทักษะภาษาจีน และภาษาอังกฤษ เข้าใจการทำธุรกิจของประเทศต่างๆ”
โลกดิจิทัลที่หมุนเร็วทำให้ทั้งอาจารย์และหลักสูตรต้อง "รีสกิล" อยู่ตลอดเวลา “ม.กรุงเทพ” มหาวิทยาลัยสร้างสรรค์ ต้องอัปเดตเครื่องมือและเนื้อหาการสอนให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยมีการนำเครื่องมือใหม่ๆ ที่องค์กรชั้นนำในต่างประเทศมาบรรจุไว้ในหลักสูตร เชิญผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการจริงมาร่วมพัฒนาหลักสูตร ปั้นบัณฑิตรุ่นใหม่ให้มีความพร้อมและก้าวนำคนอื่นอยู่เสมอ
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » การศึกษา
Top 5 ข่าวการศึกษา ![]()
- โรงเรียนวัดไผ่ล้อมรับรางวัลชนะเลิศประกวดคลิปวิดีโอสั้น 1 ธ.ค. 2568
- ประธานมูลนิธิธรรมกาย ถวายปัจจัยสมทบกฐินแด่ วัดเทียนเวียนเฟื้อกเซิน ศูนย์วิปัสสนาที่มีชื่อเสียง มากกว่า 50 ปีในเวียดนาม 1 ธ.ค. 2568
- ม.กรุงเทพ พลิกโมเดลการเรียนรู้ ยุคที่ปริญญาต้อง “ใช้งานได้จริง” 1 ธ.ค. 2568
- “ทานตะวันบานสะพรั่งทั่วระแหง ครั้งที่ 6”ใกล้กรุงเทพฯ เพียง 45 นาที 1 ธ.ค. 2568
- สองนักวิจัยหญิงจุฬาฯ คว้า “ทุนวิจัยลอรีอัล ในงานวิทยาศาสตร์” ประจำปี 2568 1 ธ.ค. 2568
ข่าวในหมวดการศึกษา ![]()
“นฤมล”สั่ง ศธ.ระดมกำลังลุยฟื้นฟูภาคใต้ ตั้ง Fix It Center 50 ศูนย์ ซ่อมบ้าน-ซ่อมชีวิต ย้ำต้องเร่งเปิดเรียนให้เร็วที่สุด ไม่ให้กระทบเด็ก 18:26 น.- จุฬาฯ เปิดตัวหลักสูตรทันตกรรมรากเทียมและทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงาม 15:15 น.
- “สุรศักดิ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม กอวช. ห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วมใต้ ระดมสรรพกำลัง อว. ช่วยเหลือ–ฟื้นฟูผู้ประสบภัย 13:16 น.
- วว. โชว์ผลงาน ณ งานเทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ ครั้งที่ 14 จังหวัดเลย 12:01 น.
- “คุรุสภา” เชิดชูเกียรติครูอาวุโส ปี 67 08:49 น.


