วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568 02:28 น.

การศึกษา

"พระ ดร.ปิง"  ชี้การบินไทยควรยกระดับ บินตรง "กุสินารา" เพิ่มเส้นทางแสวงบุญสังเวชนียสถาน 4 แห่ง สร้างพลังศรัทธาและความร่วมมือพุทธโลก

วันเสาร์ ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 21.14 น.

เมื่อวันที่  13 ธันวาคม 2568   ที่มหาโพธิ-พุทธคยา เมืองคายา ประเทศอินเดีย  พระดร.ณพลเดช มณีลังกา หรือ ดร.ปิง สว.สำรอง กลุ่ม 16 จังหวัดเชียงราย และอดีตเลขาผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขณะนี้ยังบวชอยู่ครับ ฉายา "ญาณวีรโพธิ" ภิกขุ จากประสบการณ์ตรงของเดินทางมาสักการะสังเวชนียสถานทั้งสี่ ในประเทศอินเดีย   จึงอยากเสนอแนวคิดเชิงโครงสร้างต่อรัฐบาลไทยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชน และยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศพุทธศาสนาในภูมิภาคเอเชียครับ

ด้วยการเดินทางของพุทธศาสนิกชนชาวไทยจากประเทศไทยมายังเมืองคายา หรือพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับในอดีต หากย้อนกลับไปหลายสิบปีก่อน การเดินทางมาพุทธคยานั้นค่อนข้างจำกัด โดยมีเพียงสายการบินแห่งชาติของไทยที่ให้บริการบินตรง และจำนวนเที่ยวบินยังมีไม่มาก ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงและการวางแผนเดินทางค่อนข้างยุ่งยาก แต่ในปัจจุบัน มีสายการบินหลายแห่งเปิดเส้นทางบินตรงมายังเมืองคายา ส่งผลให้การเดินทางสะดวกขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้น และเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนจากหลายประเทศ ที่ต้องบินต่อเครื่องบินที่ประเทศไทยจำนวนมากได้เดินทางมาสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ อันเป็นจุดตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ทั้งนี้หากสามารถเพิ่มการวางแผนเที่ยวบินตรงให้ครอบคลุมเมืองกุสินารา อีกเมือง ซึ่งเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์สำคัญในฐานะสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า  จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ที่มีข้อจำกัดด้านเวลาและสุขภาพ ซึ่งหากสายการบินของไทย โดยเฉพาะการบินไทย สามารถปรับแผนการบินให้มีเที่ยวบินที่ลงทั้งเมืองคายาและเมืองกุสินารา โดยอาจแยกเที่ยวบินหรือสลับวันกันก็ได้ จะช่วยให้พุทธศาสนิกชนสามารถวางแผนการเดินทางไปยังสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ลุมพินี พุทธคยา สารนาถ และกุสินารา ได้อย่างเป็นระบบและหลากหลายมากขึ้น ทั้งยังสอดคล้องกับภูมิศาสตร์ของพื้นที่ซึ่งเมืองคายาและเมืองกุสินารา ตั้งอยู่ในตำแหน่งไกลกัน อยู่ระหว่างกลางในแนวเส้นทางแสวงบุญ ทั้งนี้อาจมองว่าขาดทุน แต่หากมองระยะยาวจะช่วยเสริมสร้างให้ผู้แสวงบุญทั้งในและต่างประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้น จะเป็นโอกาสของการบินไทยสร้างกำไรในภายหลัง สามารถเสริมสร้างศีลธรรมและส่งเสริมวัดไทยโดยอ้อม ทั้งนี้อยากขอฝากแนวคิดนี้ให้กับ DD การบินไทยไว้ด้วยนะครับ

อย่างไรก็ตามแม้การเดินทางในปัจจุบันจะดีขึ้นถนนหนทางได้รับการปรับปรุง มีวัดไทยกระจายอยู่ตามจุดสำคัญต่าง ๆ มีความสะดวกด้านที่พักและห้องน้ำมากขึ้น แต่การเดินทางภาคพื้นดินระหว่างสังเวชนียสถานยังคงใช้เวลานานรัฐบาลไทยอาจพิจารณาผลักดันนโยบายสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในเส้นทางสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง โดยอาจใช้รูปแบบความร่วมมือระหว่างประเทศ คล้ายกับสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) มาพัฒนา งบประมาณที่ใช้ไม่จำเป็นต้องสูงมาก  และสามารถระดมความร่วมมือจากประเทศพุทธศาสนาอื่น ๆ เช่น ศรีลังกา เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ รวมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้

อนึ่งความร่วมมือในลักษณะนี้ไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณให้กับประชาชนชาวไทยและชาวพุทธทั่วภูมิภาค ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงรากฐานของพระพุทธศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง เข้าใจประวัติศาสตร์และหลักธรรมจากสถานที่จริง ไม่ใช่เพียงการเรียนรู้ผ่านตำรา

ในอีกมิติหนึ่ง สำหรับการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ  โดยเฉพาะการบรรจุสอบเข้ารับราชการ โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  นอกจากการทดสอบความรู้ทางวิชาการแล้ว อาจเพิ่มเงื่อนไขเพิ่มคะแนนคนสอบเข้าได้มากขึ้น หากเคยทางมาบูชาสังเวชนียสถาน จะเพิ่มจำนวนข้าราชการที่ความเข้าใจเชิงประสบการณ์ตรงต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง การได้สัมผัสสถานที่จริงจะช่วยหล่อหลอมทัศนคติ จริยธรรม และความตระหนักในบทบาทหน้าที่ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามหากมหาวิทยาลัยของรัฐ และวิทยาลัยต่างๆ หากมีความร่วมมือกับมหาลัยในพื้นที่ดินแดนพุทธภูมิ จะทำให้มีนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมาก สร้างความเข้มแข็งทางการศึกษาและแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ข้อเสนอทั้งหมดนี้ผมไม่ใช่เสนอเพียงมิติทางศรัทธา แต่เป็นรากฐานทางวัฒนธรรม จิตใจ และนโยบายสาธารณะที่สามารถเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ และสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทยในระยะยาว ผ่านการวางแผนเส้นทางแสวงบุญที่เป็นระบบ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาคนควบคู่กันไปอย่างยั่งยืนครับ

หน้าแรก » การศึกษา