เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568  มีรายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการระดับสูง ในตำแหน่ง “รองปลัดกระทรวงมหาดไทย-ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย-ผู้ว่า ราชการจังหวัด” ดำเนินการแล้วเสร็จช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา   ในสังกัดสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรมว.มหาดไทย รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกรัฐมนตรี จะเสนอในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่ 19 สิงหาคม นี้เพื่อให้เรียบร้อย รองรับสถานการณ์ทางการเมืองร้อนก่อนที่จะมีการวินิจฉัยตัดสินคดีใหญ่ ที่ต้องเกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่  

โดยรายงานข่าวแจ้งว่า นายภูมิธรรม หรือ “บิ๊กอ้วน” เป็นสิงห์ดำรุ่น 25 บัญชาการวางตัวบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งสำคัญในพื้นที่เลือกตั้งตามข้อเสนอของ สส.และกลุ่มแกนนำหลักของพรรคเพื่อไทย ทดแทนตำแหน่งที่เหล่าสิงห์คลองหลอดเกษียณสิ้นเดือนกันยายนและทดแทนตำแหน่งว่างที่สังกัดพรรคเพื่อไทยได้รับการปูนบำเหน็จไปก่อนหน้า    อาทิ เชียงใหม่ คาดว่า จะมีการเสนอแต่งตั้งนายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย (ผต.มท.) ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯเชียงใหม่

นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าฯหนองคาย ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา  นางสาวธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าฯพิจิตร ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯปทุมธานี นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าฯเลย ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯสมุทรปราการ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าฯสมุทรปราการ ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯนครปฐม

นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าฯนครปฐม ไปดำรงตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย  นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าฯพัทลุง คาดว่า ไปดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯชลบุรี  นายชยชัย แสงอินทร์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย  คาดว่า ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสมุทรสงครามหรือผู้ว่าฯพื้นที่ใกล้เคียง ขณะเดียวกันนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก คาดว่า ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวกระทรวงมหาดไทยยังระบุ จังหวัดที่เกษียณและเก้าที่ว่างมีดังนี้  1.ลำปาง 2.พิษณุโลก 3.ลพบุรี 4.พระนครศรีอยุธยา 5.ขอนแก่น 6.กาฬสินธุ์ 7.ชลบุรี  8.สมุทรสงคราม 9.ปทุมธานี 10.ยะลา 11.เชียงใหม่ (ว่างจากย้าย) เป็นอธิบดี ปค.  12.ภูเก็ต 13.สิงห์บุรี 14.อุตรดิตถ์ และรองปลัดกระทรวงมหาดไทย 2 เก้าอี้ ผุ้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 3 เก้าอี้

ด้านการเมือง นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ในรายการ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ว่าขอเวลาอีก 1–2 ปีที่เหลือ เพื่อพิสูจน์ผลงานรัฐบาล ย้ำพรรคร่วมรัฐบาลและเพื่อไทย “ไม่แตกแถว” แม้จะเผชิญแรงกดดันทางการเมือง โดยมี 3 ทางเลือกคือ

กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกก่อนศาลวินิจฉัย ซึ่งภูมิธรรมยืนยันว่าไม่เคยมีการหารือในพรรค  หากนายกฯ ผ่านด่านวิกฤติได้ จะเป็นผลดีต่อรัฐบาลและประเทศ หากนายกฯ ไม่รอด พรรคเพื่อไทยยังมีทางเลือกเสนอบุคคลอื่นในบัญชีแคนดิเดต เช่น นายชัยเกษม นิติสิริ โดยต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และมติพรรคร่วม

นายภูมิธรรมย้ำว่าเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีใครแทงข้างหลัง และหากได้โอกาสทำงาน ประชาชนจะเห็นผลงานเป็นรูปธรรม พร้อมระบุถึงประเด็นชายแดนไทย–กัมพูชา ว่ารัฐบาลกับกองทัพทำงานสอดประสาน แม้แนวทางต่างกันแต่เป้าหมายคือรักษาอธิปไตยชาติ