ปลัดเกษตรฯร่วมประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง ติดตามผลการดำเนินงานปี 2568  พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชปณิธานในหลวง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเกษตรกร 

วันที่ 8 ตุลาคม 2568    พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง พร้อมด้วยนายจรัลธาดา กรรณสูต รองประธานกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายราเชน ศิลปะรายะ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมเทวกุล ชั้น 6 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร โดยที่ประชุมได้ติดตามและรับฟังการรายงานสรุปผลการดำเนินงานต่าง ๆ ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร อาทิ การรายงานสรุปภาพรวมสภาพอากาศและพยากรณ์อากาศ ประจำปี 2568 สถานการณ์น้ำในปัจจุบันและการบริหารจัดการน้ำ ปี 2568 การก่อสร้างชุดเครื่องผลิตสารฝนหลวงสูตร 3 (น้ำแข็งแห้ง) ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดตาก ขอนแก่น พิษณุโลก บุรีรัมย์ และแผนการพัฒนาและปรับปรุงสนามบินตาก โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบินดัดแปรสภาพอากาศ และใช้เป็นหน่วยปฏิบัติการบินปฏิบัติการฝนหลวงหลักพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาภัยพิบัติต่าง ๆ

โดยนายวิณะโรจน์ เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปี 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและ การบินเกษตรได้ปฏิบัติภารกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมถึงการเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนเก็บกักน้ำ ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ – 30 กันยายน 2568 โดยได้ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง 187 วัน รวมทั้งสิ้น 2,225 เที่ยวบิน ใช้เครื่องบินของ       กรมฝนหลวงฯ จำนวน 26 ลำ และเครื่องบินของกองทัพอากาศ จำนวน 4 ลำ วันฝนตกจากการปฏิบัติการคิดเป็นร้อยละ 96.26 และมีรายงานฝนตกจากการปฏิบัติการ 63 จังหวัด พื้นที่ได้รับประโยชน์ 144.81 ล้านไร่ เติมน้ำต้นทุนให้กับ เขื่อน  ขนาดใหญ่ จำนวน 29 แห่ง อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง-ขนาดเล็ก จำนวน 190 แห่ง และมีปริมาณฝนสะสมในพื้นที่ลุ่มรับน้ำ 475.88 ล้านลูกบาศก์เมตร ในส่วนของพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิชั้นดีและเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย 

ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม สุรินทร์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ และยโสธร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งในทุกปี กรมฝนหลวงฯ ได้ปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อดัดแปรสภาพอากาศทำให้ฝนตกกระจายครอบคลุมพื้นที่และมีปริมาณน้ำฝนเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก โดยใช้แนวทาง “ทุ่งกุลาโมเดล” ซึ่งเป็นการทำงานแบบบูรณาการระหว่างเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ อาสาสมัครฝนหลวง เกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพิ่มเครื่องบินปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อแก้ปัญหาได้ทันท่วงที ลดความเสียหาย และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ด้านการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน บริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 – 30 เมษายน 2568 บินปฏิบัติการรวม 2,787 เที่ยวบิน ช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ ดังนี้ พื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล ปฏิบัติการ 148 วัน ทำให้ค่าความเข้มข้นของค่าฝุ่นละอองต่ำกว่ามาตรฐาน (37 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ได้จำนวน 94 วัน พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ปฏิบัติการ 117 วัน ค่าความเข้มข้นของค่าฝุ่นละอองต่ำกว่ามาตรฐาน 67 วัน พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ปฏิบัติการ 68 วัน ค่าความเข้มข้นของค่าฝุ่นละอองต่ำกว่ามาตรฐาน 32 วัน และพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ปฏิบัติการ 61 วัน ค่าความเข้มข้นของค่าฝุ่นละอองต่ำกว่ามาตรฐาน 38 วัน และในส่วนของการบรรเทาความรุนแรงของพายุลูกเห็บในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก อุดรธานี สกลนคร สุโขทัย เพชรบูรณ์) ปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 ขึ้นบินปฏิบัติการ 33 วัน รวม 48 เที่ยวบิน โดยการปฏิบัติการดังกล่าวช่วยบรรเทาความรุนแรงที่เกิดจากพายุลูกเห็บและ         ลดความเสียหายทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายราเชน  อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มีแผนดำเนินการในส่วนงานที่สนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวง ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการดัดแปรสภาพอากาศ ตามตำรา       ฝนหลวงพระราชทาน (อยู่ระหว่างการดำเนินการ) การก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการพัฒนาฝนหลวงพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ การก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพะเยา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา และมีแผนการตั้งหน่วยปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2568 เป็นต้นไป รวมถึงจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวง นอกจากนี้ยังได้มีการขอใช้พื้นที่ดำเนินโครงการทำฝนเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนลำตะคองด้วยเทคโนโลยีพ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆ ซึ่งทั้งหมดเป็นภารกิจที่กรมฝนหลวงฯ มุ่งมั่นในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและเกษตรกรตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเหลือพสกนิกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น