ประจวบฯเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน

เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

วันที่ 17 มีนาคม 61 นายแพทย์สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากกรณีพบชายวัย 61 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน เสียชีวิตที่ รพ.หัวหิน หลังจากรับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า เนื่องจากถูกแมวกัดที่มือขวา ล่าสุดเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ(สสอ.)หัวหิน ได้ระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาผู้สัมผัสโรคที่บ้านพักของผู้เสียชีวิตเพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมประชุมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเพื่อวางแผนควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินเร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างน้อยร้อยละ 80 และรัศมีรอบบ้านผู้เสียชีวิตให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมแจ้งทุกช่องทางให้ผู้ที่ถูกสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัดพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อดูแลรักษาเบื้องต้น โดยต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทันที

นายแพทย์สุรินทร์ กล่าวอีกว่า เพื่อควบคุมโรคให้ได้ผลสำเร็จ ที่ผ่านมาได้แนะนำหลายครั้งในการประชุมระดับจังหวัดเพื่อให้องค์กรปกครองท้องถิ่น ( อปท.) ในพื้นที่ที่มีการประกาศเขตควบคุมโรค ทำการสำรวจสุนัขและแมวไม่มีเจ้าของในพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งที่มีเจ้าของเพื่อทำการฉีดวัคซีนป้องกันในสัตว์ทั้งหมด แต่ทราบว่าในทางปฏิบัติมีปัญหาพอสมควร เนื่องจากขณะนี้ในพื้นที่ อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี ยังไม่ทราบจำนวนสุนัขและแมวที่ชัดเจน ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์กับ อปท.จะต้องร่วมกันดำเนินการตามาตรการเร่งด่วน สำหรับ สสจ.จะรับผิดชอบการฉีดวัคซีนในคนที่มีประวัติสัมผัสโรคและดำเนินการในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งขอชี้แจงว่าสำหรับผู้ที่สัมผัสกับสุนัขและแมว นอกเขตพื้นที่ระบาดการฉีดวัคซีนป้องกันในคน จะอยู่ในการวินิจฉัยของแพทย์เท่านั้น ยืนยันว่าการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะต้องถูกสุนัขหรือแมวกัด หรือโดนน้ำลายของสัตว์ผ่านบาดแผลบนผิวหนัง ที่สำคัญโรคนี้ติดเชื้อยากกว่าโรคหวัด ดังนั้นผู้ที่ลูบหัวสุนัข หัวแมว หรือถูกกัดแต่ไม่มีบาดแผล เบื้องต้นถือว่าไม่มีความเสี่ยงเพราะไม่ครบองค์ประกอบของการติดเชื้อ

ด้านนายสัตวแพทย์สาโรช จันทร์ลาด หัวหน้าฝ่ายสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ เคลื่อนย้ายสุนัขจรจัดรอบ 2 จากศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จำนวนอีก 100 ตัว แยกเป็นเพศผู้ 32 ตัว เพศเมีย 68 ตัว ไปสถานพักพิงสุนัขจรจัดของกรมปศุสัตว์ ที่ จ .บุรีรัมย์ หลังจากย้ายรอบแรกไปแล้ว 100 ตัว โดยได้รับการสนับสนุนยานพาหนะและเจ้าหน้าที่จากด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี ในการเคลื่อนย้ายสุนัขจำนวนดังกล่าว

เนื่องจากปัจจุบันจำนวนสุนัขเกินขีดความสามารถในการดูแลของศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน โดยยืนยันว่าสถานพักพิงสุนัขที่ จ.บุรีรัมย์ มีขีดความสามารถในการดูแลสุนัขจรจัดโดยร่วมมือกับตัวแทนเจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนชาวต่างชาติ ไม่ได้ปล่อยให้สุนัขตายตามที่มีกระแสวิจารณ์อย่างหนักในสังคมโซเชียล

"ล่าสุดหัวหน้าสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดได้ประชุม วางแผนการใช้มาตรการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้า โดยการบังคับใช้กฎหมายเต็มรูปแบบตามมาตรการ 2+1ของกรมปศุสัตว์ ในพื้นที่จุดเกิดโรคพิษสุนัขบ้า ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน โดยมีเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี ด่านกักกันสัตว์ประจวบคีรีขันธ์ และกำหนดให้เจ้าหน้าที่เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขแมวรอบจุดเกิดโรคและจุดเสี่ยงในรัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งจะครอบคลุม 9 หมู่บ้านของ ต.หินเหล็กไฟและบางส่วนของเทศบาลหัวหิน แต่ปัจจุบันยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบจำนวนสุนัขและแมวทั้งหมด หลังจากมีมาตรการจับสุนัขจรจัดไม่มีเจ้าของไปฉีดวัคซีนและกักดูอาการ ซึ่งยอมรับว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ภาคสนามยังมีความขัดแย้งกับกลุ่มผู้เลี้ยงสุนัขจรจัดในพื้นที่สาธารณะ บางส่วนไม่ยินยอมให้นำสุนัขและแมวไปกักกัน เพื่อดูอาการ และเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งให้นำสุนัขและแมวจรจัดที่เลี้ยงที่บ้านพักอาศัย ผู้เลี้ยงในพื้นที่สาธารณะก็ไม่ได้ให้ความสนใจ" นายสาโรช กล่าว

ขณะเดียวกันที่ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน ผศ.น.สพ.ดร.ธนู ภิญโญภูมินทร์ รองคณบดีฝ่ายวิเทศน์สัมพันธ์คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน พร้อมด้วย รศ.ดร.พัชรินทร์ สิรสุนทร คณบดีคณะสังคมศาตร์ มหาวิทยาลัยนเรศว นางสาวบุษบา โชคสุชาติ รองนายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน ได้จัดประชุมโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานของ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อให้ความรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้า แนวทางการแก้ไขปัญหาและดูแลสุนัขจรจัดในพื้นที่ให้กับ ประชาชนจากชุมชนต่างๆในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน

ด้านนางอรสา อาวุธคม ผอ.ททท.สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากมีการประกาศเขตโรคระบาดจากโรคพิษสุนัขบ้านในพื้นที่ อ.หัวหิน ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบกับเมืองท่องเที่ยวหลักที่ อ.หัวหิน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากทุกฝ่ายให้ความเชื่อมั่น หลังจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งระดมแก้ปัญหาเป็นกรณีพิเศษเร่งด่วน เพื่อป้องกันผลกระทบทุกด้านและสร้างมั่นใจในความปลอดภัยนักท่องเที่ยว.