วันที่ 27 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา สภาพอากาศแปรปรวนร้อนอบอ้าว บางวันมีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส ผนวกกับหน้าหนาวปีนี้ถือว่าสภาวะอากาศหนาวน้อยกว่าทุกปี จึงส่งผลกระทบต่ออาชีพต่อเกษตรกร โดยเฉพาะชาวสวนลิ้นจี่ในพื้นที่ ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม เป็นพื้นที่แห่งเดียวที่มีการปลูกลิ้นจี่ชื่อดัง สายพันธุ์พื้นบ้าน นพ.1 ถือเป็นผลผลิตบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI ปลูกกันริมแม่น้ำโขง เนื้อที่รวมเกือบ 3,000 ไร่ ทั้งนี้พื้นที่ ต.ขามเฒ่า เป็นบริเวณที่มีสภาวะอากาศหนาวที่สุดในจังหวัด โดยมีสถานีตรวจอากาศทางการเกษตรตั้งอยู่ ทุกปีในระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน จะมีผลผลิตลิ้นจี่ออกสู่ตลาด สร้างรายได้ปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

ปีนี้เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ พันธุ์ นพ.1 ต้องผิดหวังจากผลกระทบสภาพอากาศแปรปรวน อุณหภูมิร้อนนานกว่าปกติและหนาวน้อย ทำให้ต้นลิ้นจี่ไม่ออกดอกออกผล ส่วนมากมีแต่ใบไม่มีดอกผล จากสถิติในปีที่ผ่านมา พบว่าเกษตรกรบางรายสร้างรายได้ปีละกว่า 5 แสนบาท ปีนี้ชาวสวนลิ้นจี่ ต้องแบกภาระต้นทุน ทั้งค่าปุ๋ย ค่าบำรุงรักษา

สอบถาม นางจิราพัทร นันทพัฒน์ อายุ 50 ปี เกษตรกรสวนลิ้นจี่ ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม เปิดเผยว่า ปีนี้ต้องผิดหวังจากผลผลิตลิ้นจี่ ซึ่งแต่ละปีทำรายได้เงินหมุนเวียนสะพัดไร่ละนับแสนบาท รวมรายได้จากการขายผลผลิตหลายสิบล้านบาท โดยผลผลิตจะออกสู่ตลาดมากสุด ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายนของทุกปี แต่ปีนี้มีแต่ใบไม่ออกดอก เชื่อว่าต้นเหตุมาจากอากาศร้อน ไม่หนาวจัดที่เป็นปัจจัยสำคัญ ในการให้ลิ้นจี่ออกดอก ครั้งนี้ถือเป็นภัยธรรมชาติที่กระทบหนักในรอบหลายปี และหาทางแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นภัยเกิดจากธรรมชาติ ได้แต่นั่งทำใจ ขาดรายได้โดยสิ้นเชิง แถมต้องแบกภาระต้นทุนในการดูแล

ด้าน นายอิสระ อินทะสันตา หัวหน้าสำนักปลัด อบต.ขามเฒ่า เปิดเผยว่าผลผลิตลิ้นจี่ พันธุ์ นพ.1 ถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของ จ.นครพนม สร้างรายได้ปีละกว่า 50 ล้านบาท มีเนื้อที่ปลูกรวมกว่า 3,000 ไร่ ปีนี้ถือว่าได้รับผลกระทบหนักจากสภาพอากาศ ทำให้ผลผลิตไม่ออกดอกออกผล เกษตรกรขาดรายได้ เคยประสานไปยังหน่วยงานเกษตร มาตรวจสอบหาทางแก้ไข แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะเป็นภัยธรรมชาติ  เนื่องจากลิ้นจี่โดยธรรมชาติต้องการอากาศหนาวเย็น จะทำให้ออกผลผลิตสูง แต่ปีไหนอากาศร้อนจะส่งผลกระทบไม่มีผลผลิต เช่นปีนี้ออกเป็นผลน้อยมาก