“บิ๊กโจ๊ก”กระชับสัมพันธ์ ตม.ลาว
               

บิ๊กโจ๊ก ลุยเดินหน้ากระชับสัมพันธ์ ตรวจคนเข้าเมืองลาว เห็นชอบร่วมกันขับเคลื่อนแนวชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ สกัดกั้นยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายทุกรูปแบบ พร้อมส่งตัวผู้ต้องหายาเสพติดชาวลาวหนีเรือนจำลาวเข้ามาในไทยกลับคืนประเทศ  

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 พ.ย. 61 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) ได้ให้การต้อนรับ พ.ต.ท.สายสะหมิง สีวิไล หัวหน้ากรมตรวจคนเข้าออกเมือง สปป.ลาว ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย ก่อนจะร่วมกันประชุมหารือระหว่างตรวจคนเข้าเมืองไทย และตรวจคนเข้าออกเมือง สปป.ลาว ที่ห้องประชุมโรงแรมรอยัลนาคารา อ.เมืองหนองคาย
               

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยินดีที่จะร่วมมือกับ สปป.ลาว ในการอำนวยความสะดวกเรื่องการผ่านแดนให้ทันสมัย โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจคนเข้าเมือง เช่น การตรวจคัดกรอง การจัดเก็บข้อมูลบุคคล ข้อมูลยานพาหนะ เพื่อการสัญจรของประชาชนทั้งสองประเทศให้สะดวกยิ่งขึ้น ภายใต้ความมั่นคงของทั้งสองประเทศผ่านจุดดำเนินการของ ตม.19 จุด ใน 10 จังหวัดของไทย ที่เชี่อมต่อกับ 8 แขวงของ สปป.ลาว รวมทั้งให้ความสำคัญกับการจับกุมการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบเข้าออกประเทศ การค้ามนุษย์ การป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนส่งยาเสพติดตามแนวชายแดน
               

ขณะที่ พ.ต.ท.สายสะหมิง สีวิไล หัวหน้ากรมตรจคนเข้าออกเมือง สปป.ลาว กล่าวว่า ยินดีที่ทางตรวจคนเข้าเมืองไทย ให้ความสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เพราะนับวันชาวไทย ชาวลาว จะเดินทางไปมาหาสู่กันมากยิ่งขึ้น ส่งผลต่อการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในครั้งนี้ได้ให้ความมั่นใจระหว่างกันว่าจะร่วมมือกันทำงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร เชื่อมประสานกันให้มากยิ่งขึ้นเพื่อการพัฒนาทั้งสองประเทศให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไป

พร้อมกันนี้ยังได้ส่งมอบผู้ต้องหาที่ทางการลาวต้องการตัวคืนให้กับทางการลาวด้วย โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ค.61 เวลากลางคืน ได้เกิดเหตุผู้ต้องขังในเรือนจำดงสะหวาด เมืองสีสัตตะนาก นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว จำนวน 11 คน พากันเจาะกำแพงห้องน้ำและมุดตัวลออกออกมาจากช่องแล้วปีนกำแพงเรือนจำหลบหนี ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด คดีค้าอาวุธสงคราม คดีทำร้ายร่างกาย ครอบครองอาวุธสงคราและคดีลักทรัพย์ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว โดยกระทรวงป้องกันความสงบ ได้ประสานข้อมูลมายัง ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ว่านายสมชาย แก้วมะนี อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ถูกทางการลาวจับกุมได้พร้อมของกลางยาบ้า 8,300 เม็ด และเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่แหกห้องขังหลบหนีได้ลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางเข้าออกธรรมชาติจังหวัดหนองคาย  ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายจึงได้ติดตามจนทราบว่า นายสมชาย ผู้ต้องหา กบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี  จึงติดตามจับกุมตัวไว้ได้และทำการส่งมอบให้กับทางการลาวนำกลับไปดำเนินคดีต่อไป.